เงินมาผ้าหลุด! เปิดใจแม่ค้ากามย่านรัชดา
เหตุใดจริงทำอาชีพนี้ เต็มใจ หรือโดนบังคับ? คำตอบจากปากแม่ค้าสาววัย 37 ปี ที่เปิดแผงบริการย่านรัชดามานานกว่า 10 ปี โดยเธอเล่าว่าเธอเองจบ ปวส. และเคยทำงานเหมือนกับคนอื่นๆเขานั้นแหละ ประชาสัมพันธ์ บัญชี แต่ด้วยความที่ว่างานเหล่านั้นให้ผลตอบแทนที่แสนต่ำทำให้เธอจึงหันหน้าเข้าหาพาณิชย์กามตั้งแต่อายุ 27 ด้วยความหวังที่ว่าอยากมี อยากรวย
แรกๆเธอเองก็ยังไม่กล้าที่จะทำหรอก เพราะด้วยศีลธรรมค้ำคออยุ่และด้วยตัวเองเรียนมาไม่ได้ถือว่าต่ำ ก็เลยลองทำเป็นเด็กนั่งดริ้งค์ไปก่อน พอเริ่มคุ้นชิน และสิ่งแวดล้อมพาไป และเห็นรายได้ที่เพื่อนๆเอามาอวดเธอจึงเร่ิมทำกับเขาบ้าง
ถ้าถามว่ามีไหมที่ถูกบังคับให้ทำ ทุกวันนี้คงไม่มีแล้ว ทุกคนที่ทำล้วนสมัครใจมาทำเพราะว่าเงินมันเยอะใครๆก็อยากได้
พอเข้าไปทำก็จะมีการแบ่งระดับชัดเจน เริ่มจาก เด็กใหม่เข้าสู่วงการก็จะมีทั้งแบบสมัครใจ และแบบครั้งแรกเพื่อแลกกับเงินก้อน แล้วจะทำต่อหรือไม่ค่อยว่ากันอีกที
ขั้นที่สอง คือ พนักงาน อาบ อบ นวด ที่ชินชากับการมีเรื่องอย่างว่ากันคนแปลกหน้า หรือกลุ่มเด็กนั่งดริงค์ที่ผันตัวมาทำเพื่อหารายได้เพิ่ม
ขั้นที่สาม คือ ทำงานจนรู้ตื้นลึกหนาบางหมดแล้ว และอายุเริ่มมากก็จะผันตัวมาเป็นผู้ดูแลสาวๆตามสถานบริการต่างๆ คอยเชียร์แขก
นอกจากนี่กล่าวมาแล้ว ยังมีกลุ่มนักศึกษาบังหน้า แต่ว่าทำงานหลักที่เรียกกันว่า sideline ซึ่งกลุ่มนี้ที่เป็นนักศึกษาจริงๆแทบจะไม่มี หรือมีน้อยมาก ส่วนมากก็คนที่ทำอาชีพนี้อยู่แล้ว ไปลงทะเบียนเรียน ใส่ชุดแอบอ้าง เพื่ออัพค่าตัว และเพื่อให้ลูกค้าสนใจ สงสาร บางทีอาจส่งตังค์ให้เรียนด้วย ค่าเทอมค่าห้องพัก แต่พอถึงเวลาก็เรียนบ้างไม่เรียนบ้างเพื่อไม่ให้ถูกสงสัย
ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นคนต่างชาติเพราะพวกเขารู้ดีอยู่แล้วว่าประเทศไทยขึ้นชื่อเรื่องนี้ ถึงขั้นมีคำเอ่ยมาว่า สยามเมือง…(ยิ้ม) มาเมืองไทยถ้าไม่ลองก็เหมือนมาไม่ถึง ซึ่งแขกที่สาวๆค่อนข้างจะชอบ ก็คือ คนญี่ปุ่น แต่คนไทยที่เงินหนาๆก็ยังมีบ้าง
สาวๆทุกคนจะต้องแบ่งรายได้มาเสริมความงาม เช่น เข้าคอร์สทำหน้าใส ฉีดผิวขาว เสริมจมูก เสริมหน้าอก เป็นต้น ส่วนเรื่องอาหาร ต้องเลือกทานของดีต่อสุขภาพ ซึ่งทั้งหมดนี้คือการลงทุน เพราะลูกค้าที่เงินหนามักจะเลือกคนที่ดูดีที่สุดเท่านั้นคะ
ไม่เชื่อว่านี่เป็นเรื่องที่อยู่กับสังคมเราอย่างยาวนาน โดยที่เราต่างรู้ดี แต่ก็ทำเป็นมองไม่เห็น หรือไม่สนใจ แล้วแบบนี้อนาคตลูกหลานของเราจะเป็นอย่างไร หากผู้ใหญ่ในชาติมองแต่ประโยชน์ส่วนตัว