งานนี้ผู้ตรวจการแผ่นดินลงมือสับเอง
ภาพล่าสุดของกรรมการ มส. สายธรรมกาย
งานนี้ผู้ตรวจการแผ่นดินลงมือสับเอง
ก็เห็นจะมีวิธีเดียวเท่านั้นที่จะจัดการ "พณฯธัมมชโย" นักเลงโตแห่งสยามได้ ทางอื่นไม่มี เพราะมหาเถรสมาคมถูกธัมมชโยควบคุมไว้หมดแล้ว หน่วยงานราชการก็ถูกแทรกซึมจนกลายเป็นนกกะทือ หลับหูหลับตาให้มอมเมาเยาวชนกันอย่างเสรี แรกนั้น คสช. ทำพิธีสะกดธรรมกาย โดยไม่ให้ สพฐ. ส่งนักเรียนไปเข้าค่ายเด็ดดีวีสตาร์ แต่ไปๆ มาๆ กลับยกเด็กทั้งประเทศไปให้นายคึกฤทธิ์ ไปมอมเมาในค่าย "ชวนน้องท่องพุทธวจน" ไปเสียอีก ดูไว้เถิดฮะ รายการนี้ยิ่งกว่าหนีเสือปะจรเข้ เพราะเจ้าของฟาร์มคือ มหาเถรสมาคมนั้น ไร้น้ำยาโดยสิ้นเชิง ถ้าทางรัฐบาลไม่ลงมาจัดการ ก็รับรองว่า แม้แต่มหาเถรสมาคมเองก็ต้องกลายเป็น "สมาคมร่างทรง" ของธรรมกาย หรือใครว่าไม่จริง การที่ สตง. ชงให้รัฐบาลใช้ ม.44 ก็เท่ากับ "ยกระดับ" ปัญหาธรรมกาย ว่าเป็นระดับ "ผู้มีอิทธิพลที่ไม่สามารถหาพยานหลักฐานได้" เพราะใครๆ ก็กลัวอิทธิพลของธัมมชโย การจะใช้ "มีดธรรมดา" เชือดธรรมกาย ผ่านมหาเถรสมาคมนั้น ไม่มีทางสำเร็จ ถ้าขืนปล่อยไว้เช่นนี้ ไม่เกิน 10 จากนี้ไป รับรองว่าประเทศไทยกลายเป็นนิกายธรรมกายหมด แม้แต่ธรรมยุตก็ถูกกลืนไม่เหลือ ดังนั้น จึงต้องหันไปใช้ "มีดอีโต้" มาสับปลาตัวโต ถ้าอีโต้ยังไม่ได้ผล ก็มีวิธีเดียวเท่านั้น คือต้องตั้งธัมมชโยเป็น "สมเด็จพระสังฆราช" ต่อจากสมเด็จพระญาณสังวร
งานนี้ถือว่าเป็นข่าวดีของ "พุทธะอิสระ" เพราะว่าคงไม่ต้องสึกตามคำสัญญา ว่าถ้าสึกธัมมชโยไม่ได้ ตัวเองจะยอมสละผ้าเหลืองแทน บอกแล้วไงว่า เกมนี้มีเดิมพันสูง แต่นั้นยังไม่สำคัญเท่ากับว่า "สมเด็จวัดปากน้ำจะทำอย่างไร" ในเมื่อ "วัดปากน้ำกับวัดพระธรรมกาย เป็นวัดเดียวกัน มีอะไรก็ต้องช่วยเหลือกัน" สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ต้องเลือกเอาทางใดทางหนึ่ง ระหว่าง "สละเบี้ยเพื่อรักษาขุน" หรือจะ "สละขุนเพื่อรักษาเบี้ย" เพราะงานนี้ไม่มีใครกล้าสอนสังฆราช
ถามว่า ขั้นตอนต่อไป ทางรัฐบาลจะทำอย่างไร ?
ตอบว่า รัฐบาลก็จะแจ้งเรื่องไปยังมหาเถรสมาคม ให้ดำเนินการ ตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินได้วินิจฉัย แต่ถ้าหากทางมหาเถรสมาคมไม่ยอมดำเนินการ รัฐบาลก็จะดำเนินการ "ตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช" แทนสมเด็จวัดปากน้ำ ทันที เพื่อให้ดำเนินการกับธัมมชโยให้สิ้นสุด เหมือนกรณี "ปลดพระพรหมโมลี-วิลาศ" วัดยานนาวา แล้วตั้งสมเด็จสมศักดิ์ขึ้นเป็นเจ้าคณะภาค 1 แทนนั่นเอง เห็นไหมล่ะว่า อีโต้นั้นทั้งหนักทั้งคม ฟันทีเดียวขาดกระจุยทั้งธัมมชโยทั้งมหาเถรสมาคมเลย
ถามต่อไปว่า ถ้าธัมมชโยดื้อ ไม่ยอมสึก และไม่ยอมออกมาพบเจ้าหน้าที่ล่ะ ใครจะกล้าใช้กำลังบุกวัดพระธรรมกาย ซึ่งมีสาวกเป็นแสนอัดแน่นอยู่ เขาพร้อมสละชีพเพื่อปกป้องหลวงพ่อใหญ่ ก็ตอบได้คำเดียวว่า ถ้าทาง คสช. สั่งสึกแล้ว ธัมมชโยก็จะหมดสถานภาพ "พระภิกษุ" โดยอัตโนมัติ และเมื่อนั้น ข้อหา "แต่งกายเลียนแบบพระภิกษุ" ก็จะประเคนตามมา ยศถาบรรดาศักดิ์ต่างๆ รวมทั้งตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายก็จะสลายไปสิ้น ส่วนว่าใครจะมาเป็นแทนนั้นเอาไว้คิดอีกที วันนี้แค่เรื่องสึกธัมมชโยก็ปวดหัวแล้ว
23-24 พฤษภาคม 2558 พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) วัดสัมพันธวงศ์ (ธรรมยุต) กรรมการมหาเถรสมาคม พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) วัดสามพระยา กรรมการมหาเถรสมาคมและเจ้าคณะ กทม. พระวิสุทธิวงศาจารย์ รองเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ และกรรมการมหาเถรสมาคม พระมหาโพธิวงศาจารย์ (ทองดี สุรเตโช) ราชบัณฑิต วัดราชโอรสาราม ได้ร่วมกันทำพิธีผูกพัธสีมา-ฝังลูกนิมิต ณ วัดพระธรรมกายบาวาเรีย เมืองเอาส์บวร์ก ประเทศเยอรมนี ทั้งนี้ เป็นช่วงคาบเกี่ยวกับงานประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา ซึ่งจัดในช่วงต้นเดือนมิถุนายนปีนี้ แต่คณะกรรมการมหาเถรสมาคมสายธรรมกายทั้งหมด ไม่มีใครมาร่วมงานคณะสงฆ์ไทย แต่ได้ไปร่วมงานวัดพระธรรมกายแทน นี่ไง ที่เป็นคำตอบต่อคำถามของ "ท่านเจ้าคุณเอื้อน" ว่าทำไม อะลิตเติ้ลบุ๊ดด่ะ ดอทคอม จึงวิจารณ์ท่านรุนแรง ไม่ยกย่องเชิดชู ถึงจะเป็นครูบาอาจารย์ในสำนักเรียนบาลีชั้นสูงของคณะสงฆ์ไทยมาก่อนก็ตาม ทั้งๆ ที่ท่านน่าจะ "พิจารณาบทบาท" ของตัวเอง ว่าขาข้างหนึ่งของท่านผูกติดอยู่กับใคร ทำไมจึงถูกวิจารณ์ เพราะแค่ระหว่าง "งานคณะสงฆ์-งานหลวง" กับ "งานวัดพระธรรมกาย-งานราษฎร์" ท่านยังแยกไม่ออก (ไม่รู้ว่าใช้แว่นตายี่ห้ออะไร) ว่างานไหนสำคัญกว่ากัน แล้วจะให้ยกย่องเชิดชูได้อย่างไร โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้ว ทำไมต้องให้เด็กๆ ชั้นศิษย์มันสอนครับท่าน