หนูไม่ใช่เด็กเส้น.."น้องแนท"มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ โต้สวยๆเริ่ดๆ

สวยปังดั่งเพชรแท้ ในที่สุด"น้องแนท" อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์ สาวงามวัย 21 ปี จากจังหวัดลำปาง ก็คว้ามงกุฏ "มิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ 2015" มาครอง ในการประกวดรอบตัดสินเมื่อค่ำวันที่ 18 ก.ค. 58 ที่ พารากอนฮอลล์ สยามพารากอน ท่ามกลางกลางแฟนๆ ล้นหลามขนป้ายไฟไปให้กำลังใจ และส่งเสียงโห่ร้องเชียร์กระหึ่มไม่ขาดสาย โดยมี "คุณแดง" สุรางค์ เปรมปรีดิ์ ผอ.กองประกวดมิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ ร่วมแสดงความยินดี และอ้าแขนต้อนรับอย่างสมศักดิ์ศรี งานนี้เจ้าตัวเผยอย่างแฮ้บปี้ว่า...

"หนูก็ไม่รู้นะคะว่ากองเชียร์ล้นหลามมาได้อย่างไร ทำไมเขาถึงให้ความรักความเอ็นดูหนูมากขนาดนี้ แต่หนูขอบคุณมากๆ เลยค่ะที่คอยเชียร์ และให้กำลังใจหนูเป็นอย่างดีมาโดยตลอดกับการประกวด หนูเห็นหน้ากองเชียร์ทุกครั้งในการประกวดรอบต่างๆ รู้สึกดีใจ และเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยคะ ทำให้มีความมั่นใจมากขึ้น...การเตรียมตัวก่อนมาประกวด ก็ฟิตร่างกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์ ดูแลสุขภาพในทุกๆ ด้าน หนูเตรียมพร้อมมาตั้งแต่อายุ 19 ปีเลยคะ แต่ก่อนหน้านี้ยังไม่มีความมั่นใจที่จะมาประกวด แต่พอรู้สึกว่าการเรียน กิจกรรมและงานที่ทำลงตัวแล้ว จึงจัดสินใจมาประกวดตอนอายุ 21 ปี หนูเดินแบบตอนอายุ 18-20 และมีโอกาสได้เป็นดาวมหาวิทยาลัย คนรอบข้างก็เชียร์ให้มาประกวด เขาก็เรียกหนูว่าน้องดาวๆ แต่ตอนนั้นยังไม่พร้อม เพราะหนูเพิ่งสอบได้เข้าเรียนใหม่ๆ มาจากจังหวัดลำปางการแข่งขันในเมืองก็สูงมาก หนูก็ฟิตหนัก และเตรียมตัวเองมาเรื่อยๆ ช่วยปีหลังๆ ถามเพื่อนได้หนูไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสหลังม.กรุงเทพ"

นอกจากประสบความสำเร็จเกินเป้า ได้ครองมงกุฏ และได้รับเงินรางจากเวทีใหญ่สุดของประเทศไทย "น้องแนท" บอกว่า สิ่งเลอค่าที่ได้รับจากการประกวดครั้งนี้ คือ "มิตรภาพ" อันงดงาม

"กับการประกวดครั้งนี้สิ่งสำคัญคือได้มิตรภาพ ทุกคนที่มาประกวดในกองมีทั้งพี่ทั้งน้องแต่ว่าเราเป็นเพื่อนกัน สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนอีกอย่างคือความมีน้ำใจของเพื่อนผู้เข้าประกวด และน้ำใจของคนไทยโดยเฉพาะคนอุบลราชธานี จังหวัดที่พวกเราไปเก็บตัวทำกิจกรรม เป็นคนที่มีรอยยิ้มจริงใจ ให้การต้อนรับด้วยความจริงใจมาก ประทับใจชาวบ้านทุกคน บางพื้นที่ห่างไกล ความเจริญอาจจะเข้าไม่ถึงเต็มร้อยแต่ว่าไม่ทำให้คนที่นั่นบกพร่องทางจิตใจเลย มีศักยภาพเต็มเปี่ยมที่พร้อมให้กับพวกเราคะ"

ขณะเดียวกัน "มิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ ป้ายแดง" ก็ตกเป็นเป้าโจมตีไม่น้อยว่าเป็น "เด็กเส้น" มีการ "ล็อคมงกุฏ" ไม้ให้แล้ว ตั้งแต่วันที่จับสลากได้หมายเลข 37 หลังผ่านเข้ารอบ 40 คนสุดท้าย

"หนูไม่ได้โดนล็อคหรอก ถ้าเป็นเด็กเส้น หนูจะต้องดิ้นรน ฝ่าฝันด้วยตนเองอย่างหนักทำไม"

"น้องแนท" ย้ำถึงการเดินทางบนเวทีนี้จนพบกับความสำเร็จ

"หนูไม่ได้โดนล็อกไว้หรอกค่ะ ถ้าหนูเป็นเด็กเส้น คงไม่ต้องดิ้นรนและฝ่าฝันด้วยตนเองมาหนักมากหรอกคะ รู้กันมั๊ยคะว่าการออกกำลังกายไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่แบบใครคนหนึ่งจะมีแรงออกกำลังกายเยอะทุกวัน หนูทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยก็หนักแล้ว เลิกงาน 4 โมงเย็นไปทำงานแฟชั่นโชว์เสร็จประมาณ 3 ทุ่ม เสร็จแล้วก็ไปฟิตเนสจนถึง 5 ทุ่ม มาออกกำลังกายต่อในห้องอีก เวลาที่ทำงานก็เอาหนังสือไปนั่งอ่านด้วย หนูทำอย่างนี้มาเป็นปีๆ แต่ก็รักที่จะทำ เพราะแม่บอกเสมอเราต้องออกกำลังกายและดูแลตัวเอง ในเรื่องของอาหารหนูไม่ชอบดื่มน้ำผลไม้ คุณแม่ก็เอามาให้ดื่มทุกเช้าเป็นน้ำส้มคั้นสด ซึ่งหนูไม่ชอบเลย แต่ต้องดื่มทุกเช้า ทานผักผลไม้ต่างๆ คุยกับเพื่อนทุกวันว่าถ้ามาถึงตรงนี้เสร็จแล้วจะทำอะไรต่อ ยังมีการเก็งคำถามกันเลยว่าจะเจอกับอะไร เพื่อนก็เขียนเป็นลิสต์มาให้เลย คาดเดาไปต่างๆ นานา ว่าต้องเจอคำถามแบบนี้ เพราะว่าเพื่อนหนูเป็นแฟนนางงามเยอะ เป็นหน้ากระดาษเลย วันนี้ที่สัมภาษณ์ไม่มีตรงตามที่เก็งเลยคะ"

ปากหอยปากปูบางรายเม้าท์มอยในโลกโซเชียล ถึงขั้นว่า เบื้องลึกเบื้องหลังของเธอมี "พี่แจ๊ส" ประณม ถาวรเวช รองประธานอำนวยการกองประกวด ให้การสนับสนุนอยู่อย่างลับๆ

"ไม่รู้สึกตกใจที่มีกระแสออกมาอย่างนี้นะคะ เพราะว่าหนูไม่เคยรู้จักพี่แจ๊สมาก่อน ตอนที่สัมภาษณ์วันมาสมัครคนที่สัมภาษณ์หนูคือคุณออน (ชิชญาสุ์ กรรณสูต ผจก.กองประกวด) และกรรมการอีกสองท่าน ไม่เคยเห็นหน้าพี่แจ๊สมาก่อนเลย แต่มีคนบอกว่าถ้าผ่านเข้ารอบต้องเจอกับท่านแน่นอน พี่แจ๊สเป็นคนที่เนี๊ยบมาก ละเอียดมาก พอผ่านเข้ารอบ 40 คน หนูก็มองหาว่าพี่แจ๊สคนไหน เพราะต้องระวังเป็นพิเศษกลัวทำอะไรผิด อยู่ในกองประกวดมีกติกาว่าต้องแต่งหน้าอย่างไร ทำผมอย่างไรก็ต้องปฏิบัติตามกติกา ได้ยินเสียงพี่แจ๊สอบรมพวกเราเสียงดังก็เลยได้รู้ว่าใครคือพี่แจ๊ส ทุกคนในกองระวังเป็นพิเศษ ท่านรักทุกคนคะ แต่เนี้ยบมาก เพื่อให้ทุกอย่างออกมาดี เพราะว่าหนูไม่ได้ทำอะไรผิด ทุกอย่างหนูเต็มที่ และขอชี้แจงเรื่องชุดที่วัดแถลงข่าวใช่มั๊ยคะ กองประกวดบอกว่าห้ามใส่ชุดเจ้าสาว ไม่ใช่ใส่ชุดสีขาวค่ะ ซึ่งทางกองประกวดเกรงว่าชุดเจ้าสาวสีขาวเมื่อผู้เข้าประกวดใส่แล้วจะดูเป็นเจ้าสาวมากเกินไป แต่ว่าชุดสีขาวที่หนูเลือกมาไม่มีใครมองว่าเป็นชุดเจ้าสาวแน่นอนคะ เพราะว่าหนูได้รับความอนุเคราะห์จากแบนด์ตัดให้กับมือคะ ไม่ได้เป็นชุดที่กองประกวดจัดเตรียมไว้ให้ ผู้เข้าประกวดเตรียมกันมาเองคะ"

กับกระแสเเง่ลบในโลกโซเชียล "น้องแนท" ยืนยันไม่ได้ทำให้รู้สึกกดดัน ตรงกันข้ามกับนำสิ่งเหล่านั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับตนเอง

"หนูไม่ได้กดดันนะคะ เก็บเอาสิ่งต่างๆ หนูไม่รู้หรอกค่ะว่ามีเพจอะไรบ้าง แต่รับรู้ได้จากไอจี มีคนมาคอมเม้นท์ชม และแขวะบ้าง หนูก็เก็บมาคิดนะว่าเราเป็นอย่างที่เขาเม้าท์กันรึเปล่า ถ้าอันไหนที่ไม่ใช่ก็ตัดออกไป ส่วนอันไหนต้องเสริมก็กลับมาพัฒนา หนูมีงานเดินแบบแฟชั่นโชว์ใช่มั๊ยคะ ก็เดินแบบทื่อๆ ตรงๆ เพื่อพรีเซ้นต์เสื้อผ้า แต่พอเป็นนางงาม ต้องพรีเซ้นต์ตัวเอง หนูก็นำกลับมาคิดว่าเราควรทำอย่างไรต่อไปในเมื่อการเป็นนางงามต้องปรับเปลี่ยน เป็นนางแบบไม่ต้องยิ้ม เป็นนางงามเน้นยิ้ม ก็เป็นสิ่งที่ถนัดอยู่แล้วเพราะหนูเป็นคนชอบยิ้ม"

สำหรับเงินรางวัลที่ได้รับ นอกจากเก็บไว้เป็นทุนการศึกษาแล้ว "น้องแนท" ตั้งใจนำไปมอบให้กับคุณตา คุณยาย ที่เลี้ยงดู ให้ความรักความอบอุ่นมาเป็นอย่างดี จนไม่รู้สึกว่าการกำพร้าพ่อตั้งแต่เกิดเป็นปมด้อยในชีวิต

"คุณตาคุณยายไม่ได้มาดูประกวดคะ อยู่ที่จังหวัดลำปาง เดินทางลำบากคะ ก็บอกท่านว่าให้ช่วยเชียร์อยู่ที่บ้านนะ คอยดูว่าเวลาหนูออกทีวีแล้วหนูขึ้นกล้อง หรือสวยมั๊ย ก็บอกกับท่านนะคะว่า คุณตาคุณยายวันนี้หนูทำสำเร็จแล้วนะคะ เงินรางวัลที่ได้หนูคงเก็บไว้เป็นทุนการศึกษาก่อนค่งะ คนที่สำคัญที่สุดในชีวิตหนูนอกจากคุณแม่ ก็คือคุณตากับคุณยายที่เลี้ยงหนูมาตั้งแต่เล็ก ท่านไม่เคยทำให้หนูรู้สึกว่าหนูขาดพ่อซึ่งท่านเลิกกับคุณแม่ตั้งแต่หนูเกิดมา ท่านเลี้ยงหนูมาดีมาก คุณแม่ท่านต้องทำงานส่งเงินมาให้ หนูอยากดูแลและตอบแทนท่านจากใจจริงๆ คะ คุณแม่คนเดียวเลี้ยงหนูกับพี่สาว หนูกับพี่สาวพอโตขึ้นก็ทำงานพิเศษหาเงินส่งตัวเองเรียน และส่งกลับให้ทางบ้านด้วยคะ คุณตา คุณยายสอนให้มีจิตใจดี มีเมตตา หนูเป็นคนศรัทธาอะไรในหลายๆ เรื่อง มีแรงบันดาลใจในหลายๆ อย่าง เช่น หนูรักครอบครัวรักตากับยายมาก เพราะว่าทั้งสองท่านเลี้ยงมา หนูเชื่อมั่นในคำสอนของท่านตลอด หนูมีคุณตาเป็นฮีโร่ค่ะ ท่านเป็นข้าราชการ ครอบครัวของเราปานกลาง แต่คุณตาสอนให้ทำทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการปลูกต้นไม้ขาย ทำทุกอย่าง หนูเคยถามท่านนะคะว่า ทำไมต้องทำใหนเมื่อบ้านเราก็พออยู่พอกิน ท่านบอกว่า ถ้าวันหนึ่งตาไม่อยู่แล้วเราจะช่วยเหลือตัวเองได้อย่างไร แม้คุณแม่มีธุรกิจส่วนตัวก็ตาม" การได้เป็นตัวแทนสาวไทยไปประชันความงามบนเวที "มิสยูนิเวิร์ส 2015" หรือ "นางงามจักรวาล" ซึ่งคาดว่าประเทศโคลอมเบียจะเป็นเจ้าภาพจัดประกวดในปลายปีนี้ นางฟ้าคนล่าสุด มองว่า ตนเองมีสิ่งที่ต้องพัฒนาอีกหลายส่วน โดยเฉพาะเรื่องภาษา รวมทั้งฟิตหุ่นให้เฟิร์มมากกว่านี้ด้วย

"ขั้นแรกต้องเน้นในเรื่องของภาษาซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ แต่ว่าหนูก็สื่อสารได้ ที่ผ่านมาหนูเดินแฟชั่นโชว์ ทีเพื่อนที่เป็นชาวต่างชาติ ก็สื่อสารกับเขาได้ แต่ว่าไม่ได้เก่งอะไรมาก ก็ต้องพัฒนาให้เก่งภาษามาขึ้น และฟิตหุ่น อยากเตรียมพร้อมเรื่องร่างกายมากๆ เพิ่มกล้ามเนื้อ หนูรู้สึกว่าผู้หญิงที่มีซิกแพคสวย ที่สำคัญสาวๆ จากหลายประเทศทั่วโลกเขาต้องหุ่นดีกันทั้งนั้น เขาต้องพร้อมและหนูก็ต้องพร้อม จุดเด่นของหนูคือ การเป็นตัวของตัวเองเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ไม่เหมือนใคร ทั้งเรื่องวิธีการเดิน การโพสท่า รอยยิ้ม ทุกอย่างที่เป็นตัวเรา อยากพกความมั่นใจไปเวทีโลก ถ้าเรามัวแต่ลังเล และหาข้อด้อยฉันไม่เก่งโน่นไม่เก่งนี่ ไปด้วยใจไม่เต็มร้อยก็ไม่ควรไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต้องทำให้ดีที่สุด หนูเป็นคนจริงจังเวลาทำงาน แต่ปกติเป็นคนสนุกสนานร่าเริงชอบยิ้ม มองโลกในแง่ดี คุณตาเคยสอนว่าเขาก็คนเราก็คนมีสองไม้สองมือเหมือนกัน ศักยภาพอาจแตกต่างกันบ้าง แต่เราต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเอง หากเราไม่เชื่อมั่นในตัวเรา ก็ไม่มีใครมาเชื่อมั่นในตัวเราแล้วคะ "

ปัจจุบัน "น้องแนท" กำลังศึกษาปริญญาตรี ปี 2 คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ มีความใฝ่ฝันอยากทำ โครงการพัฒนา ศักยภาพผู้สูงอายุ สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของเธอคือการมองเห็นคุณค่าของตนเองและผู้อื่น

"ในฐานะที่เรียนคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ คณะของเราสอนให้เป็นคนดีอยู่แล้ว ตามสโลแกนของคณะคือ ช่วยเหลือเขาเพื่อให้เขาช่วยเหลือตัวเองได้คะ ซึ่งตอนนี้หนูได้เป็นตำแหน่งมิสยูนเวิร์ส ไทยแลนด์ ก็จะช่วยเป็นกระบอกเสียงในการประชาสัมพันธ์สิ่งต่างๆ คะ และหนูเชื่อว่าในความเป็นมิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ ทำให้หนูมีศักยภาพในการช่วยเหลือสังคมเพิ่มมากขึ้น"

ส่วนสเป็กผู้ชายในฝัน "มิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ 2015" ตอบเสียงดังฟังชัดว่า "เป็นคนดีไม่สร้างภาพ" ก็พอใจแล้ว