เขมรเหลี่ยมจัด! ขอเจรจาหยุดยิง แต่อยากได้พื้นที่คืน..หวังใช้กลไกอาเซียนล้อมกรอบไทย

              เขมรเหลี่ยมจัด! ขอเจรจาหยุดยิง แต่อยากได้พื้นที่คืน..หวังใช้กลไกอาเซียนล้อมกรอบไทย เขมรยังไงก็เป็นเขมรวันยันค่ำ ไม่เคยมีสัจจะในหมู่โจรจริงๆ ถึงจะรบแพ้แต่ก็ไม่ได้โง่ รวบรวมเอาเล่ห์เหลี่ยมที่มีมาสู้กับไทย หวังจะให้โลกมาล้อมไทยและแพ้ในเวทีโลก แต่เกมนี่มันเป็นเกมแห่งศักดิ์ศรีของชาติ เพราะถ้าใครแพ้ก็จะไม่มีแผ่นดินอยู่และกลายเป็นคนขายชาติทันที

               หลังมีการประชุม GBC ระหว่างไทยกับกัมพูชา เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.68 ที่ผ่านมา ก็ปรากฏว่าเป็นไปตามคาด ทางฝั่งกัมพูชามาสายตลอดเหมือนไม่ให้เกียรติฝั่งไทย แถมยังกลับตรงเวลาอีกต่างหาก หวั่นเรื่องความปลอดภัยสงสัยกลัวใครจะมาลอบสังหารละมั๊ง ก็ทำเขาไว้เยอะนี่ แต่ประเทศไทยสุภาพบุรุษพอ เพราะทำถ้าแบบนั้นจริงๆ ประเทศไทยก็ไม่ต่างอะไรกับกัมพูชาที่ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศเผด็จการ จะสังหารใครก็ได้ว่างั้น พออ่านเกมกัมพูชา ผ่านทางจดหมายของ "เตีย เซยฮา" รมต.กลาโหม และรองนายกฯ กัมพูชา ก็รู้เลยว่าต้องการอะไร แม้ไม่มีคำว่าหยุดยิง แต่มันคือการขอสงบศึกทางการทูตต่างหาก หลังเพลี่ยงพล้ำให้กับไทยในสนามรบ แต่ทางกัมพูชาหวังจะใช้กลไกของอาเซียนมาเป็นโล่ล้อมกรอบไทยเอาไว้ และดึงความได้เปรียบกลับคืน บอกเลยนี่คือแผนการเจรจาที่ถูกออกแบบไว้ล่วงหน้ามานานแล้ว

               จากกรณีที่ "เตีย เซยฮา" รมต.กลาโหมกัมพูชา ได้ส่งจดหมายขอเจรจาหยุดยิงถึง "บิ๊กเล็ก" รมต.กลาโหมของไทย ในที่ประชุม GBC และขอให้ทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนเดิมนั้น โดยในเอกสารดังกล่าวของกัมพูชาแม้จะใช้ถ้อยคำที่ดูนุ่มนวลก็ตาม และไม่ระบุคำว่า "ขอหยุดยิง" โดยตรง แต่ในทางปฏิบัตินั้นมันคือการส่งสัญญาณขอสงบศึกอย่างเป็นทางการผ่านกลไกอาเซียน และคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) เพื่อยุติการปะทะที่ทางกัมพูชากำลังเสียเปรียบให้กับไทย ทั้งนี้มันเป็นการขยับเชิงศิลปะการทูตที่เปลี่ยนความอ่อนแอในสนามรบให้เป็นแต้มต่อบนโต๊ะเจรจา โดยบีบให้ไทยต้องเลือกว่าจะยอมดำเนินเกมตามกรอบที่กัมพูชาวางเอาไว้หรือไม่

              อย่างไรก็ตาม หากลองอ่านเอกสารฉบับนี้ให้ละเอียด ก็พบว่าไม่มีคำว่าขอหยุดยิงตรงๆ แต่ส่งสัญญาณขอหยุดยิงอย่างเป็นทางการในเชิงการทูต ผ่านคำว่าเห็นพ้องกับแถลงการณ์ของประธานอาเซียน โดยเน้นย้ำว่าการสู้รบควรยุติลงทันที และนี่ก็ไม่ใช่การหยุดยิงแบบยกธงขาว กัมพูชาไม่ได้ขอหยุดยิงเปล่า ๆ แต่ได้ผูกเงื่อนไขเอาไว้แน่น ตั้งแต่การยึดกรอบ Kuala Lumpur Joint Declaration การฟื้นกลไกปักปันเขตแดน ไปจนถึงการเพิ่มบทบาทคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน นี่คือการขอหยุดยิงที่มาพร้อมการล็อกสนาม ไม่ให้ไทยขยับนอกกรอบที่ทางกัมพูชาได้ประโยชน์ และสุดท้ายคำถามสำคัญจึงไม่ใช่ว่า กัมพูชาจะขอหยุดยิงจริงๆ หรือไม่ แต่อยู่ที่ว่า ฝ่ายไทยจะยอมเดินเข้าไปในกรอบนั้นมากแค่ไหน ถ้ารู้ว่าตัวเองเสียเปรียบแล้วยังคิดจะเดินต่อ ยังไงก็ขอให้นึกถึงคนไทยเอาไว้ด้วยว่าเสียชีวิตไปมากแค่ไหน เพราะต่อไปกัมพูชาก็ไม่น่าจะใช่เพื่อนบ้านของเราแล้ว แม้จะมีพรมแดนติดกันก็ตาม