สงครามยาเสพติดเวอร์ชันทรัมป์
หากฟังโดนัลด์ ทรัมป์พูดถึงปัญหายาเสพติดในช่วงหลัง จะเห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่แค่ประเด็นสาธารณสุขหรืออาชญากรรมอีกต่อไป ในโลกการเมืองแบบทรัมป์ ยาเสพติดถูกยกระดับให้กลายเป็น “อาวุธยุทโธปกรณ์” ในสงครามที่ไม่ได้ประกาศ — สงครามที่ไม่ได้ยิงกระสุนใส่กันโดยตรง แต่ใช้ความกลัว ความโกรธ และความไม่มั่นคงของสังคมเป็นสนามรบทรัมป์มักวาดภาพยาเสพติด โดยเฉพาะเฟนทานิล ไม่ใช่ในฐานะปัญหาซับซ้อนที่ต้องแก้ด้วยนโยบายหลายมิติ แต่ในฐานะภัยคุกคามจากภายนอก เป็นสิ่งที่ “ถูกส่งเข้ามา” เพื่อทำลายสหรัฐฯ จากภายใน ภาษาแบบนี้มีพลังทางการเมืองสูง เพราะมันเปลี่ยนผู้เสพจากผู้ป่วยให้กลายเป็นเหยื่อของศัตรู และเปลี่ยนปัญหาภายในประเทศให้กลายเป็นเรื่องความมั่นคงแห่งชาติ
ในสงครามที่ไม่ได้ประกาศนี้ ทรัมป์มีศัตรูชัดเจน — แก๊งค้ายา ผู้อพยพผิดกฎหมาย ประเทศเพื่อนบ้าน และแม้แต่รัฐบาลต่างชาติที่เขากล่าวหาว่า “ปล่อยปละ” หรือ “จงใจ” ให้ยาเสพติดไหลเข้ามา การวางกรอบเช่นนี้เปิดทางให้มาตรการแข็งกร้าว ตั้งแต่การปิดพรมแดน การใช้กองกำลัง ไปจนถึงการคุกคามทางเศรษฐกิจและการทูตในเชิงยุทธศาสตร์ ยาเสพติดจึงไม่ใช่แค่ปัญหา แต่คือเครื่องมือ ทรัมป์ใช้มันเพื่อสร้างความ正当ให้กับนโยบาย “แข็งเข้าไว้” และเพื่อรวมฐานเสียงที่รู้สึกว่า รัฐบาลอ่อนแอและปล่อยให้สังคมเสื่อมโทรม การประกาศสงครามกับยาเสพติดในแบบของเขา ไม่ต้องมีสภาประกาศ ไม่ต้องมีเส้นแบ่งแนวหน้า แต่มีผลทางการเมืองจริงอย่างไรก็ตาม การทำให้ยาเสพติดเป็นอาวุธ ก็มีราคาที่ต้องจ่าย เมื่อปัญหาถูกทำให้เป็นเรื่องศัตรูภายนอก พื้นที่สำหรับการพูดถึงการรักษา การฟื้นฟู และสาเหตุเชิงโครงสร้าง เช่น ความยากจน สุขภาพจิต หรือความเหลื่อมล้ำ จะถูกบีบให้แคบลง ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า นโยบายที่เน้นการลงโทษและการปราบปรามเพียงอย่างเดียว อาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงในระยะยาวในเวทีระหว่างประเทศ การใช้ยาเสพติดเป็นข้ออ้างเชิงความมั่นคง ยังกลายเป็นเครื่องมือกดดันประเทศอื่น ทรัมป์เคยโยงปัญหายาเสพติดเข้ากับการค้า การอพยพ และความสัมพันธ์ทางการทูต นี่ทำให้ยาเสพติดกลายเป็น “การ์ดใบใหญ่” ที่สามารถหยิบมาใช้ได้ทุกเมื่อ เมื่อต้องการสร้างความชอบธรรมให้กับนโยบายแข็งกร้าวสำหรับผู้สนับสนุนทรัมป์ นี่คือผู้นำที่กล้าพูด กล้าชน และไม่มองข้ามความทุกข์ของครอบครัวที่สูญเสียคนรักจากยาเสพติด แต่สำหรับฝ่ายวิจารณ์ นี่คือการใช้ความเจ็บปวดของสังคมเป็นเชื้อเพลิงทางการเมือง และทำให้ปัญหาที่ควรแก้ด้วยวิทยาศาสตร์และนโยบายสาธารณะ กลายเป็นอาวุธในเกมอำนาจ
สงครามที่ไม่ได้ประกาศนี้ จึงไม่ใช่แค่เรื่องยาเสพติด แต่คือการต่อสู้เพื่อกำหนดความหมายของปัญหา ว่าเราจะมองมันเป็นภัยจากศัตรู หรือเป็นบาดแผลภายในที่ต้องการการเยียวยา ทรัมป์เลือกคำตอบแรกอย่างชัดเจน เพราะมันให้ผลทางการเมืองรวดเร็ว ชัด และทรงพลังคำถามสุดท้ายคือ เมื่อยาเสพติดถูกทำให้เป็นยุทโธปกรณ์ ใครกันแน่ที่ชนะในสงครามนี้ — และใครคือผู้ที่ต้องรับแรงระเบิดจากการเมืองที่ใช้ความกลัวเป็นอาวุธหลักนี่คือเดิมพันที่ใหญ่กว่านโยบายยาเสพติด และอาจเป็นหนึ่งในตัวอย่างชัดเจนที่สุดของการเมืองยุคทรัมป์: การเปลี่ยนปัญหาสังคมให้กลายเป็นสนามรบ โดยไม่ต้องประกาศสงครามแม้แต่คำเดียว.
อ้างอิงจาก: bbc cnn
ค้นพบแหล่งทองคำกว่า 500 ตัน มูลค่าสูงถึง 600,000 ล้านหยวน
เครื่องบินรบไทยรุ่นใหม่ T50TH ลงสนามจริงครั้งแรกผลงานประทับใจ
ทึ่งทั่วโลก : หุบเขาเทวดาวั้งเซียนกู่" หมู่บ้านที่สร้างอยู่ริมหน้าผา สถานที่ท่องเที่ยวแสนน่าทึ่งของประเทศจีน
ไทย ชวดเหรียญทอง ปันจักสีลัต ทั้งที่กำลังจะขึ้นรับเหรียญ
สถานีรถไฟเกือบเจ๊ง แต่รอดเพราะแมวตัวเดียว ตำนาน ทามะนายสถานีขนฟูแห่งญี่ปุ่น
จีน ไฟเขียว ให้ไทย ถล่มรังแก๊งสแกมเมอร์
นักมวยรองแชมป์โอลิมปิก แซะเจ้าภาพไทย หลังตกรอบรองฯ ซีเกมส์ 33
เมื่อวิทยาศาสตร์อธิบายวินาที "กระดูกร้าวถึงหัก" บนสังเวียนของตะวันฉาย
เศรษฐกิจรัสเซียกำลังหายใจรวยริน แต่ปูตินยังไม่คิดยกธงขาว
มาตรการคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซียแบบ “มหาศาล” ของทรัมป์ จะเขย่ามอสโกแค่ไหนและคำตัดสินใจของจีนกับอินเดียคือหมากชี้ขาด
4 พันธุ์ไม้ "นักดูดฝุ่น" ฟอกอากาศขั้นเทพที่ควรมีติดบ้าน
IO เขมรปั่นหนัก! ใช้ AI สร้างพาสปอร์ตปลอม อ้าง “บัวขาว” เป็นคนกัมพูชา ไม่ใช่คนไทย
IO เขมรปั่นหนัก! ใช้ AI สร้างพาสปอร์ตปลอม อ้าง “บัวขาว” เป็นคนกัมพูชา ไม่ใช่คนไทย
โรงแรมในเกียวโตลดราคาเหลือ 3,000 เยนต่อคืน หลังไม่มีนักท่องเที่ยวจีน





