ผู้เสียชีวิตกว่า 1,300 ราย จากน้ำท่วมในอินโดนีเซีย ศรีลังกา และ ไทย

     เจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งค้นหาผู้รอดชีวิต และ กู้ร่างผู้เสียชีวิต ในขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมและดินถล่ม ครั้งรุนแรงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พุ่งเกิน 1,300 ราย ในอินโดนีเซีย ศรีลังกา และ ไทย โดยยังมีผู้สูญหายเกือบ 900 ราย...

     ฝนมรสุมที่ตกหนักหลายวัน ส่งผลทำให้พื้นที่ขนาดใหญ่ถูกน้ำท่วม ประชาชนหลายพันคนติดค้าง หลายคนต้องเกาะหลังคาบ้านและกิ่งไม้รอการช่วยเหลือ เหตุน้ำท่วมและดินถล่มทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1,338 ราย ได้แก่ 744 รายในอินโดนีเซีย 410 รายในศรีลังกา 181 รายในไทย และ 3 รายในมาเลเซีย 

     ประธานาธิบดี "อนุรา กุมา ราดิสสานายัก" ผู้นำของศรีลังกา ได้ออกมากล่าวว่า "ยังเร็วเกินไปที่จะระบุจำนวนผู้เสียชีวิตที่แท้จริงในประเทศของผม"

อินโดนีเซียได้รับผลกระทบหนักที่สุด
      สำนักงานจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวว่า "ในอินโดนีเซีย เจ้าหน้าที่กู้ภัยประสบความยากลำบาก ในการเข้าถึงหมู่บ้านบนเกาะสุมาตรา ซึ่งถนนถูกน้ำพัดขาดและสะพานถูกทำลาย มีผู้สูญหายอย่างน้อย 551 คน" นอกจากนี้เฮลิคอปเตอร์และเรือ ถูกระดมเข้าพื้นที่ แต่เจ้าหน้าที่เตือนว่า "สภาพอากาศที่เลวร้ายและโครงสร้างพื้นฐานที่เสียหาย กำลังถ่วงการทำงาน"

ป่าไม้ถูกทำลายรุนแรง
     น้ำท่วมและดินถล่มในสุมาตราเหนือ ได้พัดพาไม้ซุงจำนวนมหาศาล ไหลลงมาตามกระแสน้ำ ทำให้ประชาชนวิตกว่า การตัดไม้ทำลายป่าอาจเป็นสาเหตุสำคัญ ของภัยพิบัติในครั้งนี้... พื้นที่ป่าบาตังโตรูอันอุดมสมบูรณ์ ได้กลายสภาพเป็นทุ่งซากไม้และบ้านเรือนพังทลาย ถนนหลายเส้นหายไป กลายเป็นแม่น้ำโคลนขนาดใหญ่...

     "ริอันดา ปูร์บา" จากกลุ่มสิ่งแวดล้อมอินโดนีเซีย กล่าวว่า "นี่ไม่ใช่เพียงภัยพิบัติทางธรรมชาติ แต่เป็นวิกฤตที่เกิดจากมนุษย์" และ "การตัดไม้ทำลายป่าและการพัฒนาที่ไร้การควบคุม ได้ทำลายความยืดหยุ่นของพื้นที่บาตังโตรู หากไม่เร่งฟื้นฟูและออกมาตรการคุ้มครองอย่างจริงจัง น้ำท่วมเช่นนี้จะกลายเป็นเรื่องปกติใหม่ของเรา"

ผู้รอดชีวิตค้นหาคนที่รักอย่างสิ้นหวัง
     1 สัปดาห์หลังน้ำท่วมฉับพลัน ผู้รอดชีวิตในจังหวัดสุมาตราตะวันตก ยังคงรอข่าวของคนในครอบครัว

     "ซาฮารี ซูตรา" ยืนถือภาพเมียและลูกสาว วัย 4 และ 2 ขวบที่ยังสูญหาย พร้อมวิงวอนให้เจ้าหน้าที่ช่วยค้นหา โดยเขากล่าวว่า "คนอื่นเจอกันหมดแล้ว... แต่ทำไมครอบครัวของผม ผมยังไม่เจอพวกเขาเลย..." ซึ่งเขาได้เล่าถึงเหตุการณ์วันเกิดเหตุว่า "ผมกำลังขับมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน แต่ต้องทิ้งรถและวิ่งขึ้นที่สูง เมื่อกระแสน้ำปิดเส้นทาง ผมพยายามกลับไปหาครอบครัว แต่กระแสน้ำเชี่ยวกราก ได้พัดบ้านของผมหายไปแล้ว" และ "ผมตะโกนเรียกเมียและลูกๆท่ามกลางสายน้ำเชี่ยว แต่ก็ไร้เสียงตอบกลับ ซึ่งตอนมืดผมพบลูกสาวคนโตวัย 5 ขวบที่ปลอดภัยแต่เปื้อนโคลนไปทั้งตัว ด้วยความหวั่นเกรงน้ำท่วมระลอกใหม่ ผมจึงกอดลูกปีนขึ้นเกาะต้นลิ้นจี่จนถึงเช้า เมื่อฟ้าสาง ความเสียหายทั้งหมดก็ปรากฏ ทุกบ้านถูกพัดหายหรือถูกฝังใต้โคลนหนา" และ "ผมอุ้มลูกและไปขอความช่วยเหลือ" และ "คำอธิษฐานเดียวของผม คือ ขอให้พบเมียและลูกๆ"

ศรีลังกาเร่งนับผู้เสียชีวิต ส่วนไทยเริ่มฟื้นฟู
     ในศรีลังกา ทีมกู้ภัยของทหารค้นหาผู้สูญหายจำนวน 336 ราย จากผลกระทบของพายุไซโคลน "ดิตวาห์" แต่การเข้าถึงพื้นที่ทำได้ยาก เพราะดินถล่มและสะพานพัง

     ที่เมืองแคนดี้ ชาวบ้านหลายคนไม่มีน้ำประปา ต้องพึ่งน้ำดื่มบรรจุขวดหรือเก็บน้ำจากบ่อน้ำธรรมชาติ ทางการเตือนว่า "สถานการณ์อาจเลวร้ายลง เพราะยังจะมีฝนตกเพิ่มในอีกไม่กี่วันข้างหน้า"

     "อนุรา กุมา ราดิสสานายัก" กล่าวอีกว่า "นี่เป็นภัยพิบัติร้ายแรงที่สุดของศรีลังกา ในรอบหลายปีที่ผ่านมา" และ "จำนวนผู้เสียชีวิตอาจสูงกว่าที่รายงานมาก ผมขอยืนยันว่าหน่วยงานรัฐ กำลังพยายามเข้าถึงชุมชนที่ถูกตัดขาด!!"

     "เซลลาดูไร โยการาช" วัย 35 ปี กล่าวว่า "ผมสูญเสียแม่ เมีย และ ลูก 2 คน ผมไม่อาจคิดได้เลยว่า ชีวิตหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร?"

     "ดูไรกันนุ มะโฮฮารัน" กล่าวว่า "เมีย ลูกสาว และ บ้านทั้งหลังของผมถูกทำลาย ผมเหลือเพียงลูกชาย 2 คน ซึ่งตอนนี้เราต้องไปอาศัยอยู่กับพี่ชายของผม..."

มาเลเซียและไทยได้รับผลกระทบอย่างหนัก
      ในมาเลเซีย มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 ราย ในรัฐปะลิสตอนเหนือ โดยมีประชาชนกว่า 6,000 คนต้องลี้ภัยในศูนย์พักพิงฉุกเฉิน

     ส่วนภาคใต้ของไทย เริ่มทำความสะอาดถนนและอาคาร หลังเกิดเหตุน้ำท่วมครั้งใหญ่ ที่ส่งผลกระทบต่อครัวเรือนกว่า 1.5 ล้านครัวเรือน และ ประชาชน 3.9 ล้านคน ทางการเร่งซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐาน เช่น น้ำประปาและไฟฟ้าแล้ว โดยกระทรวงมหาดไทยของไทย กล่าวว่า "เราจะตั้งครัวกลางเพื่อทำอาหารสด เพื่อแจกประชาชนที่ได้รับผลกระทบ พร้อมเริ่มโอนเงินชดเชยล็อตแรกจำนวน 239 ล้านบาท ให้แก่ประชาชน 26,000 ราย"

ปากีสถานและอินเดียโต้เดือดเรื่องการขอใช้เส้นทางบิน
     ปากีสถานกล่าวหาว่า "อินเดียไม่อนุญาตให้เครื่องบินทหารของเรา นำความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปยังศรีลังกา" ซึ่งส่งผลทำให้เกิดความล่าช้ากว่า 60 ชั่วโมง โดย ปากีสถานกล่าวอีกว่า "อินเดียออกใบอนุญาตล่าช้า และ มีข้อจำกัดที่ปฏิบัติจริงไม่ได้..."

อ้างอิง : https://english.aawsat.com/world/5215145-more-1300-dead-floods-indonesia-sri-lanka-and-thailand-rescue-efforts-intensify