ฮ่องกงเผยยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้ตึกสูงพุ่ง 44 ราย สูญหาย 279 ราย เหตุเกิดครั้งนี้เป็นอุบัติเหตุที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายปีของทางฮ่องกง (เหตุเกิดวันที่ 26/11/68)

เหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ที่โครงการที่อยู่อาศัย Wang Fuk Court ในเขตไทโป ฮ่องกง เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2025 ได้กลายเป็นหนึ่งในโศกนาฏกรรมที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายปีของเมืองที่ไม่เคยหลับใหลแห่งนี้ โครงการบ้านสาธารณะซึ่งประกอบด้วยอาคารสูง 31 ชั้นจำนวนแปดหลัง และมีผู้อยู่อาศัยรวมเกือบสองพันครอบครัว ถูกไฟแผดเผาอย่างรวดเร็วราวกับถูกกลืนหายไปในเปลวเพลิง สาเหตุเบื้องต้นชี้ไปยังงานปรับปรุงที่ใช้นั่งร้านไม้ไผ่และตาข่ายห่อหุ้มอาคาร ซึ่งกลายเป็นเชื้อไฟชั้นดีที่ช่วยให้เพลิงลุกลามไปทั่วในเวลาเพียงไม่กี่นาที

เมื่อเพลิงลุกไหม้ขึ้น ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างฉับพลันจนผู้อยู่อาศัยจำนวนมากไม่มีโอกาสแม้แต่จะเก็บของหรือหนีลงบันได บางคนติดอยู่ในห้องของตน ขณะที่ควันหนาทึบพวยพุ่งเข้าไปตามโถงทางเดินและช่องลิฟต์ เสียงไซเรนของเจ้าหน้าที่ดับเพลิงดังแข่งกับเสียงตะโกนขอความช่วยเหลือจากผู้คนที่ถูกต้อนให้ติดอยู่บนชั้นสูง การยกระดับเหตุเป็นไฟไหม้ระดับ 5-alarm ซึ่งเป็นระดับสูงสุด บ่งบอกถึงความรุนแรงและความยากในการควบคุมเพลิงที่กำลังแผดเผาอาคารหลายหลังพร้อมกัน

รายงานระบุว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 44 ราย ตัวเลขที่ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และมีผู้สูญหายอีก 279 คน ในจำนวนนี้มีทั้งเด็ก ผู้สูงอายุ และครอบครัวที่ไม่ทันตั้งตัวต่อภัยร้ายที่เกิดขึ้นในบ้านของตัวเอง หนึ่งในผู้เสียชีวิตคือเจ้าหน้าที่ดับเพลิงผู้ปฏิบัติหน้าที่จนวาระสุดท้าย สะท้อนถึงความเสี่ยงและความเสียสละที่พวกเขาต้องแบกรับเพื่อช่วยชีวิตผู้อื่น ขณะเดียวกัน ถนนรอบ ๆ โครงการถูกปิดกั้น ศูนย์อพยพถูกตั้งขึ้น และครอบครัวจำนวนมากต้องเฝ้ารอข่าวคราวของคนที่พวกเขารักท่ามกลางความไม่แน่นอนอันเจ็บปวด

เหตุการณ์ครั้งนี้ยังทำให้เกิดคำถามตามมามากมายเกี่ยวกับมาตรการความปลอดภัยของอาคารสูง โดยเฉพาะระหว่างการปรับปรุงซ่อมแซม แม้นั่งร้านไม้ไผ่จะเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของวงการก่อสร้างฮ่องกง แต่ความสามารถในการลุกติดไฟได้ง่ายอาจกลายเป็นดาบสองคม ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการทบทวนกฎระเบียบและมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต

ท่ามกลางเถ้าถ่านของอาคารที่ถูกเผาไหม้และผู้คนที่พลัดพราก บ้านที่เคยเป็นที่พักพิงกลับกลายเป็นสถานที่แห่งความสูญเสีย แต่นอกเหนือจากบทเรียนอันหนักหนา ยังมีความหวังเล็ก ๆ ที่ค่อย ๆ ปรากฏผ่านการร่วมแรงร่วมใจ ทั้งจากเจ้าหน้าที่ ผู้ประสบภัย และชุมชนที่ต่างช่วยเหลือกันในยามวิกฤต โศกนาฏกรรมครั้งนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงอันตรายของไฟไหม้ในเมืองใหญ่ แต่ยังย้ำเตือนถึงคุณค่าของความรับผิดชอบร่วมกัน ความปลอดภัยที่ไม่ควรถูกละเลย และชีวิตของคนธรรมดาที่เปราะบางเกินกว่าจะถูกมองข้ามในแผนก่อสร้างใด ๆ ของเมืองใหญ่แห่งนี้