กัมพูชา “ขาดทุนยับ” จากปิดชายแดน! เกษตรกรมันสำปะหลังเดือดร้อนหนัก คาดการณ์ว่าสูญรายได้ปีละพันล้านดอลลาห์
ความตึงเครียดบนพรมแดนไทย–กัมพูชาที่ลากยาวมากว่า 5 เดือน กลายเป็นเงามืดที่ถาโถมใส่เศรษฐกิจชนบทของกัมพูชาอย่างหนัก โดยเฉพาะเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังและผู้ค้าที่พึ่งพาตลาดไทยเป็นหลักถึงกว่า 70% ของผลผลิตทั้งหมด ตามหมู่บ้านชายแดน พื้นที่กว้างใหญ่ที่เคยเต็มไปด้วยรถบรรทุกและเสียงพูดคุยของพ่อค้าแม่ค้า บัดนี้กลับมีแต่กองมันสำปะหลังที่เน่าเสียซ้อนทับกันเป็นภูเขา สะท้อนถึงวิกฤตที่กำลังกัดกร่อนชีวิตของผู้คนตัวเล็ก ๆ อย่างเงียบงัน สินค้าขายไม่ออก ราคาตกต่ำกว่าทุน มูลค่าความเสียหายทะลุ 130 ล้านดอลลาร์ภายในเวลาเพียง 7 เดือนแรกของปี ตามรายงานของกระทรวงพาณิชย์กัมพูชา
มันสำปะหลังคือพืชเศรษฐกิจตัวจริงของกัมพูชา พื้นที่ปลูกกว่า 800,000 เฮกตาร์กระจายทั่วประเทศ ทำหน้าที่หล่อเลี้ยงตลาดแรงงานและเกษตรกรกว่า 1 ล้านครัวเรือน โดยเฉพาะในจังหวัดชายแดนอย่างบันเตียมีชัย โอดาร์มีแนชีย์ พระวิหาร และปัตต์ตัมบง ที่ผลผลิตมหาศาลกว่า 12 ล้านตันต่อปีถูกลำเลียงเข้าสู่ไทยเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ แป้งมัน และเอทานอล มูลค่าปีละกว่า 250 ล้านดอลลาร์ หรือราว 9,000 ล้านบาท จากข้อมูลของ Nikkei Asia แต่ภาพดังกล่าวเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงในปีนี้
จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน 2568 หลังเหตุปะทะบริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ส่งผลให้ฝั่งไทยสั่งปิดด่านชายแดน 7 จุด และยกระดับมาตรการควบคุมการนำเข้ามันสำปะหลังเข้มงวดขึ้น โดยให้เหตุผลว่าเป็นการรักษาเสถียรภาพราคาในประเทศ เพื่อป้องกันผลผลิตล้นตลาดและคุ้มครองเกษตรกรไทย เมื่อด่านปิด ตลาดที่พึ่งพามานานก็หดหายทันที การส่งออกมันสำปะหลังสดจากกัมพูชาจึงดิ่งลงถึง 18% ในช่วงครึ่งปีหลัง ตามข้อมูลกรมศุลกากรกัมพูชา
ในไร่แห่งหนึ่งของจังหวัดปูซัต โอเอียง ไซม์ วัย 70 ปี ยืนนิ่งมองกองมันสำปะหลังชิปที่กำลังตากแดด สีหน้าเธอเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เธอเล่าว่าเมื่อก่อนขายได้วันละ 20 ตัน ราคากิโลกรัมละ 0.15 ดอลลาร์ แต่ตอนนี้กลับไม่มีใครมารับซื้อ ราคาตกเหลือเพียง 0.08 ดอลลาร์ ต่ำกว่าทุนแทบครึ่งหนึ่ง รายได้ครอบครัวหายไปราว 500 ดอลลาร์ต่อเดือน จากเดิมที่เคยมี 1,200 ดอลลาร์พอประทังชีวิต ต้องลดมื้ออาหารและเลิกจ้างแรงงานลูกหลานในบ้าน เพื่อให้ผ่านเดือนที่ยากลำบากนี้ไปให้ได้
ผู้ค้าก็เผชิญวิกฤตไม่ต่างกัน เพ็ม สุอม วัย 45 ปี ผู้ค้ามันสำปะหลังจากโอดาร์มีแนชีย์ ต้องละทิ้งโกดังที่ชายแดนและย้ายฐานไปยังจังหวัดปูซัต ห่างออกไปกว่า 100 กิโลเมตร เพื่อหลบภัยจากความตึงเครียดที่ขยายวง เธอสูญเงินลงทุนกว่า 10,000 ดอลลาร์ ทั้งจากสินค้าที่ตกค้างจนเน่าเสีย และต้นทุนค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นถึง 30% เพราะต้องเปลี่ยนเส้นทางไปผ่านเวียดนาม “ตลาดไทยหายไปหมดแล้ว ผู้ซื้อเวียดนามก็ให้ราคาต่ำกว่า แถมค่าส่งก็แพงขึ้นเป็นสองเท่า” เธอกล่าวอย่างหมดแรง
เมื่อความขัดแย้งยืดเยื้อ ผลกระทบก็ลุกลามลึกกว่าที่คิด กระทรวงเกษตรกัมพูชาระบุว่าความเสียหายรวมทะยานเกิน 200 ล้านดอลลาร์แล้ว โดยเฉพาะในจังหวัดชายแดนที่ประชาชนกว่า 140,000 คนต้องอพยพหนีภัย ทำให้แรงงานภาคเกษตรลดลงอย่างฉับพลัน การเก็บเกี่ยวล่าช้า และผลผลิตเสียหายกว่า 20% จากทั้งพายุและศัตรูพืชที่ไม่มีใครดูแล นอกจากนี้ แรงงานกัมพูชากว่า 1.2 ล้านคนในไทยที่ถูกส่งกลับบ้าน ยังเพิ่มภาระให้ครัวเรือนที่พึ่งพาเงินส่งกลับรวมกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ต่อปี
ขณะที่ฝั่งไทยยืนยันว่า มาตรการคุมเข้มนำเข้าช่วยให้ราคามันสำปะหลังในประเทศดีดตัวขึ้นอีก 20% แตะระดับ 3.5 บาทต่อกิโลกรัม และทำให้โรงงานต่าง ๆ หันมารับซื้อจากเกษตรกรไทยมากขึ้น แต่การฟื้นตัวของเกษตรกรไทยกลับแลกมาด้วยความพังทลายของชุมชนกัมพูชานับล้านชีวิต ซึ่งพึ่งพาการค้าชายแดนไทยมากถึง 48% ของมูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศทั้งหมด
รัฐบาลกัมพูชาจึงต้องเร่งปรับตัวแบบฉุกเฉิน ประกาศเพิ่มสัดส่วนการใช้ในประเทศจากเดิมที่มีเพียง 10% พร้อมเร่งเจรจาเวียดนามซึ่งเพิ่มการนำเข้าแล้ว 25% ในช่วง 7 เดือนแรก แม้ราคาที่ได้รับจะต่ำกว่าไทย 15–20% และยังต้องแข่งขันกับผลผลิตในประเทศเวียดนามเอง ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์เร่งผลักดัน “National Cassava Policy 2020–2025” เพื่อขยายโรงงานแปรรูป เช่น ชิปแห้งและแป้งมันสำปะหลัง หวังส่งออกไปยังตลาดใหญ่ในจีน และลดการพึ่งพาตลาดไทยลง 30% ภายใน 2 ปี
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์อย่างโกซัลธานัน เนธ จาก Khmer Times เตือนว่าหากความขัดแย้งยังดำเนินต่อไป เกษตรกรจำนวนมากจะเผชิญภาวะหนี้สินพุ่ง เพราะอัตราส่วนหนี้ต่อรายได้ในจังหวัดชายแดนแตะอยู่ที่ 45–50% แล้ว การขาดรายได้ในช่วงยาวจะทำให้หลายครัวเรือนล้มละลายเป็นโดมิโน “กัมพูชาต้องเร่งลงทุนในโรงงานแปรรูป และใช้ประโยชน์จาก FTA กับจีนและเวียดนามให้คุ้มค่า” เขากล่าว
จากภูมิทัศน์ของไร่มันสำปะหลังสีเขียวขจี เมื่อไม่กี่เดือนก่อน บัดนี้หลายพื้นที่กลับกลายเป็นกองขยะเกษตรที่ส่งกลิ่นเน่าเหม็น วิกฤตชายแดนครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องดินแดนหรือการทหาร แต่คือการสั่นสะเทือนวิถีชีวิตของผู้คนนับล้าน หากไม่คลี่คลายผ่านการเจรจาในระดับอาเซียน ผลกระทบอาจลุกลามเกินคาด ทั้งด้านความมั่นคงทางอาหาร ความยากจน และกระแสชาตินิยมที่อาจปะทุรุนแรงยิ่งกว่าเดิม
ที่มา: Nikkei Asia , Khmer Times , Nation Thailand , The Diplomat , Cambodianess , Reuters , Bangkok Post , Matichon , Naewna , Thai PBS .
ดาราดัง "เจมส์ แรนโซน" เสียชีวิตแล้ว
สูตรคำนวณงวด 2/1/69
นักมวยรองแชมป์โอลิมปิก แซะเจ้าภาพไทย หลังตกรอบรองฯ ซีเกมส์ 33
อาเซียนเนื้อหอม! เจาะเหตุผลทำไม บังกลาเทศ-ปาปัวนิวกินี-ฟิจิ อยากเข้าใกล้ครอบครัวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เขมรไม่มีคิดหยุด แต่คิดว่าจะรบไทยให้ชนะด้วย F-35 ได้อย่างไรในอนาคต
“บอย ภิษณุ" ประกาศขายบ้านหรูแล้ว ราคา 70 ล้าน
สอยอีกหนึ่ง นายพลเขมรร่วง อีกราย
กัมพูชา ส่งจดหมายถึงทั่วโลก ลั่นไม่ได้อ่อนแอ แต่ถูกไทยบีบให้จนมุม
“สม รังสี” ปลุกสติชาวเขมร ประณาม “ฮุน เซน” ไร้ศีลธรรม ปล่อยคลิปเสียงทำลายความสัมพันธ์ ก่อไฟสงครามลากเขมรดิ่งลงเหว
อย่าเป็น "วัวลืมตีน" !! "ณวัฒน์" รับ เตีอน "ชาล็อต" เพราะระอาพฤติกรรมลืมตัว
เห็ดทรัฟเฟิลยูนนาน: จากขุมทรัพย์ในป่าลึกสู่ดาวรุ่งดวงใหม่ที่เขย่าตลาดโลก
ทัพไทยรุกจัดหนัก ส่ง F-16 ถล่มคลังอาวุธใหญ่เขมร "บันเตียเมียนเจย-คานม้า" เหี้ยน ดัดหลัง "ทรัมป์" เข้ามาแทรกแซง
อาการนอยด์ ใคร ๆ ก็เป็นกันได้ แต่ถ้ารุนแรงมากไปจะส่งผลต่อสุขภาพจิตใจ ทำอย่างไรให้หายนอยด์
โฆษก "ฮุนเซน" โม้หนัก!! เคยผ่านการรบมาแล้วนับ 100 ครั้ง!!
อย่าเป็น "วัวลืมตีน" !! "ณวัฒน์" รับ เตีอน "ชาล็อต" เพราะระอาพฤติกรรมลืมตัว
กองกำลังบูรพา เปิดปฏิบัติการ ถล่มอาคารฝั่งปอยเปต ฐานสแกมเมอร์




