ขอเตือนระดับโลกปลา 2 ชนิดนี้เสี่ยงเป็นมะเร็งแต่ยังเป็นเมนูที่คนไทยยังชอบทานกันอยู่

ขอเตือนระดับโลกปลา 2 ชนิดนี้เสี่ยงเป็นมะเร็งแต่ยังเป็นเมนูที่คนไทยยังชอบทานกันอยู่

หลายคนอาจไม่รู้ว่าเมนูปลาที่ชื่นชอบอาจเพิ่มความเสี่ยงเป็นมะเร็ง โดยเฉพาะเมื่อรับประทานมากเกินไป สลัดปลาดิบและปลาเค็มเป็นเมนูยอดนิยม แต่ทั้งสองชนิดนี้มีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง โดยเฉพาะหากรับประทานบ่อย

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่านักวิจัยเตือนว่าการกินปลาน้ำจืดดิบอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งตับ โดยเฉพาะมะเร็งท่อน้ำดี เนื่องจากพยาธิใบไม้ตับที่อาศัยอยู่ในปลาน้ำจืด เมื่อรับประทานปลาดิบ ตัวอ่อนของพยาธิจะเข้าสู่ร่างกายโดยตรง ผู้ติดเชื้อพยาธิใบไม้ในตับมักไม่มีอาการ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ปรสิตจะเกาะติดกับท่อน้ำดี ทำให้เกิดแผลและกระตุ้นการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันที่ทำลายเนื้อเยื่อรอบท่อน้ำดี การอักเสบเรื้อรังนี้ถือเป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง

แม้ว่าผู้ติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับจะมีโอกาสเป็นมะเร็งเพียงไม่ถึง 1% แต่จำนวนผู้ติดเชื้อสูงถึงหลายล้านคน ในประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อประมาณ 6 ล้านคนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นแหล่งที่มีอัตราการเกิดมะเร็งท่อน้ำดีสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

การศึกษาพบว่าผู้ป่วยมะเร็งตับที่เกี่ยวข้องกับพยาธิใบไม้ในตับมักได้รับการวินิจฉัยในระยะท้าย ซึ่งทำให้การรักษาเป็นไปได้ยาก โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่มีชีวิตอยู่ได้เพียง 6 เดือนถึง 1 ปีหลังการวินิจฉัย ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้หยุดรับประทานปลาน้ำจืดดิบหรือปรุงไม่สุก

ในปี พ.ศ. 2561 กองทุนวิจัยมะเร็งโลก (WCRF) ได้รายงานความเชื่อมโยงระหว่างการบริโภคอาหารและความเสี่ยงมะเร็ง โดยพบว่าการบริโภคปลาเค็มในปริมาณมากเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากกระบวนการหมักเกลือทำให้ปลาสะสมไนไตรต์ ซึ่งเมื่อเข้าสู่ร่างกายจะเปลี่ยนเป็นไนโตรซามีนที่เป็นสารก่อมะเร็งที่สามารถทำลายดีเอ็นเอและกระตุ้นการเกิดเซลล์มะเร็ง

การศึกษาในสัตว์แสดงว่าอาหารที่มีไนโตรซามีนสูงเพิ่มโอกาสเกิดเนื้องอกในระบบย่อยอาหาร ขณะที่การศึกษาในมนุษย์พบว่าผู้ที่บริโภคปลาเค็มมากมีระดับไนโตรซามีนสูงกว่าผู้ที่บริโภคน้อย องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้จัดปลาเค็มเป็นสารก่อมะเร็งกลุ่ม 1 ที่สามารถก่อให้เกิดมะเร็งในมนุษย์ได้

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ลดการบริโภคปลาเค็มและให้ความสำคัญกับปลาสด หากต้องการลิ้มรสปลาเค็ม ควรบริโภคเพียงไม่กี่ครั้งต่อเดือน และควรแช่และล้างให้สะอาดเพื่อลดปริมาณเกลือและไนไตรต์ที่เหลืออยู่