ชายแดนจันทบุรีปิดตาย! ไทย–กัมพูชาห้ามเข้าออกทุกกรณี หลังพบช่องโหว่และกระแสรับผลประโยชน์

วันนี้ (10 พฤศจิกายน 2568) บรรยากาศชายแดนไทย–กัมพูชา ที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด และด่านบ้านแหลม จังหวัดจันทบุรี เงียบงันผิดปกติ หลังมีคำสั่ง “ปิดด่าน 100%” จากผู้บัญชาการทหารเรือ เมื่อช่วงเย็นวันเสาร์ที่ผ่านมา

คำสั่งดังกล่าวมีผลทันที โดยห้ามทั้ง “คนไทยเข้า” และ “คนกัมพูชาออก” ทุกกรณี ขณะที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำด่าน ได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติอย่างเข้มงวดเต็มรูปแบบ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการลักลอบผ่านแดนแม้แต่รายเดียว

สาเหตุสำคัญมาจากกระแสข่าวที่แพร่สะพัดว่า มีการ “เปิดประตูช่องเล็ก” ให้ชาวกัมพูชาบางส่วนผ่านเข้าออกได้ และมี “กลุ่มผลประโยชน์” เข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้ฝ่ายความมั่นคงต้องเร่งเข้าตรวจสอบและสั่งปิดพื้นที่ทั้งหมดทันที

ภาพจากจุดผ่านแดนในวันนี้ แสดงให้เห็นประตูเหล็กที่ถูกปิดสนิท ฝั่งกัมพูชานำแผงเหล็กมากั้นเต็มแนวสะพาน ไม่มีการสัญจรหรือเคลื่อนไหวของผู้คนเหมือนที่ผ่านมา บรรยากาศเงียบเหงาและตึงเครียด

เสียงจากประชาชนชายแดน: “ปิดเถอะ ถูกแล้ว”

ยายวัย 72 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า

 “ดีใจมากจนน้ำตาซึมที่ได้ยินข่าวปิดด่าน 100% เพราะรู้สึกว่าผู้นำกัมพูชาลบหลู่ประเทศเรามาก พูดอย่างทำอีกอย่าง... คนที่ลำบากคือราษฎรกัมพูชา ไม่ใช่ผู้นำเขา”

ด้านชายวัย 53 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ก็พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า

 “ดีใจที่ผู้ใหญ่บ้านเมืองกล้าสั่งปิดจริง ไม่ต้องกลัวเรื่องส่งเชลยศึกกลับประเทศหรอก ถ้าเป็นอะไรไปก็มาบวชที่ไทยได้... ก่อนจะฟอกไต ขอให้ฟอกประเทศให้ขาวก่อนเถอะ”

คำพูดสะท้อนอารมณ์ของชาวบ้านหลายคนในพื้นที่ ที่รู้สึกอัดอั้นกับเหตุการณ์ชายแดนตึงเครียดต่อเนื่อง และมองว่าการปิดด่านครั้งนี้คือ “สัญญาณของความจริงจัง” จากฝ่ายไทย

บรรยากาศชายแดนวันนี้: เงียบแต่ไม่ว่าง

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ที่หน้าด่านมีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ทั้งทหารและตำรวจตระเวนชายแดน พร้อมตั้งจุดตรวจเข้มงวดตลอด 24 ชั่วโมง ขณะที่ฝั่งกัมพูชาก็มีการจัดกำลังเฝ้าระวังเช่นกัน

แม้จะไม่มีเหตุปะทะหรือความรุนแรงเกิดขึ้น แต่สถานการณ์ยังอยู่ในระดับ “เฝ้าระวังสูงสุด” โดยเฉพาะหลังเกิดกรณีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งยิ่งเพิ่มแรงกดดันระหว่างสองประเทศให้ตึงเครียดขึ้นอีกระดับ