“คัลแมกี” พายุแห่งลมฝน กับบทเรียนแห่งความไม่ประมาท

     ในช่วงสัปดาห์นี้ ประเทศไทยต้องจับตาสถานการณ์พายุ “คัลแมกี” อย่างใกล้ชิด หลังกรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือนให้เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมงทั่วประเทศ เนื่องจากพายุลูกนี้อาจนำมาซึ่งฝนตกหนัก ลมแรง และคลื่นสูงในหลายพื้นที่

     “คัลแมกี” (Kalmaegi) ก่อตัวขึ้นจากหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก ก่อนทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน เคลื่อนตัวผ่านทะเลจีนใต้เข้าสู่ประเทศเวียดนาม และอ่อนกำลังลงเมื่อเข้าสู่ประเทศไทยตอนบน โดยจะส่งผลกระทบต่อหลายภาคในช่วงวันที่ 7–9 พฤศจิกายน 2568

     คำว่า “คัลแมกี” (Kalmaegi) ในภาษาเกาหลี หมายถึง “นกนางนวล” สัญลักษณ์ของความอิสระ การเดินทาง และชีวิตที่อยู่ท่ามกลางลมทะเล สื่อถึงพลังของธรรมชาติ ทั้งงดงามและยิ่งใหญ่ เปรียบเสมือนนกนางนวลที่โบยบินเหนือคลื่นทะเล ชื่อนี้ถูกเสนอโดยเกาหลีเหนือให้กับคณะกรรมการพายุไต้ฝุ่นขององค์การอุตุนิยมวิทยาภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งมีหน้าที่ตั้งชื่อพายุหมุนเขตร้อนในภูมิภาคนี้ 

     พายุ “คัลแมกี” มิใช่นกนางนวลน้อยผู้สงบ หากแต่เป็นพายุที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าประเทศไทย พร้อมหอบลมแรงและฝนตกหนักมาทดสอบความพร้อมของผู้คนในหลายพื้นที่...ศูนย์กลางของพายุคัลแมกีอยู่ห่างจากจังหวัดอุบลราชธานีราว 230 กิโลเมตร ก่อนจะเคลื่อนเข้าสู่ไทย บริเวณอำเภอสิรินธร และอ่อนกำลังลงเป็นดีเปรสชัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประกาศเตรียมพร้อมเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้สามารถเข้าช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงที

     แม้พายุคัลแมกีจะอ่อนกำลังลง แต่ผลพวงจากฝนตกหนักยังคงไม่ควรมองข้าม ติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่อง และปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน

     พายุอาจผ่านไปในไม่กี่วัน ทว่าความทรงจำของคืนที่ลมแรงจนบ้านสั่น ฝนตกปานฟ้ารั่ว จะยังคงอยู่ในใจของใครหลายคน ในฐานะ “บทเรียนแห่งความไม่ประมาท”  คัลแมกี จึงไม่ใช่เพียงชื่อของพายุ แต่คือเสียงเตือนจากท้องฟ้า ที่ชวนให้มนุษย์หันกลับมาฟังเสียงของโลกอีกครั้ง