ธนาคารในสหราชอาณาจักรมากกว่าครึ่งหนึ่งยังใช้ซอฟต์แวร์เก่าแก่ 60 ปีและโค้ดที่ล้าสมัย

ระบบธนาคารของสหราชอาณาจักรเพิ่งถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดอีกครั้งเมื่อเร็วๆ นี้ เนื่องจากมีการนำโค้ดซอฟต์แวร์ที่ล้าสมัยมาใช้ในระบบหลักมากเกินไป ผลสำรวจธนาคาร 200 แห่งครั้งใหม่เผยให้เห็นว่าสถาบันการเงินหลายแห่งยังคงใช้โค้ดซอฟต์แวร์จากช่วงทศวรรษ 1960 และ 1970 โดยบางแห่งมีโค้ดย้อนกลับไปถึงช่วงทศวรรษ 1960 ด้วยซ้ำ

ตามข้อมูลของ cnBeta การสำรวจที่ดำเนินการโดยบริษัทที่ปรึกษาการจัดการ Baringa ชี้ให้เห็นว่าธนาคารประมาณ 16% ยังคงใช้ระบบจากทศวรรษ 1960 และเกือบ 40% ยังคงรักษาโค้ดโปรแกรมจากทศวรรษ 1970

สิ่งที่ร้ายแรงกว่านั้นคือธนาคารครึ่งหนึ่งที่เข้าร่วมการสำรวจยอมรับว่ามีพนักงานเพียง 1 ถึง 2 คนเท่านั้นที่สามารถเข้าใจระบบที่มีอยู่ และส่วนใหญ่กำลังเข้าใกล้วัยเกษียณ อีก 31.5% ของธนาคารยังคงมีพนักงานจำนวนไม่มากที่รู้วิธีใช้งานระบบ แต่บุคลากรที่มีความสามารถเหล่านี้กำลังหายากมากขึ้นเรื่อยๆ

ผลสำรวจพบว่าธนาคาร 38 แห่งยังคงใช้โค้ดที่ออกแบบมาสำหรับระบบบัตรเจาะรู ขณะที่ 15% ยังคงใช้โปรแกรมเฉพาะสำหรับเมนเฟรม โปรแกรมเหล่านี้ส่วนใหญ่เขียนด้วยภาษาโคบอล แม้จะได้รับการพัฒนาในปี พ.ศ. 2502 แต่ยังคงขับเคลื่อนธุรกรรม ATM 95% และการดำเนินงานธนาคารแบบดั้งเดิม 80% ทั่วโลก ผู้ตอบแบบสอบถามบางคนเปิดเผยว่าแม้แต่ซอฟต์แวร์ของ Microsoft ที่เปิดตัวในปี พ.ศ. 2536 ก็ยังคงทำงานบนเครือข่าย ATM โดยอาศัยเซิร์ฟเวอร์ Windows NT ที่มีการติดตั้งแพตช์

ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาระบบเดิมเหล่านี้ค่อนข้างสูงสำหรับอุตสาหกรรมการเงิน จากการวิจัยของ SaaScada พบว่าอุตสาหกรรมธนาคารในสหราชอาณาจักรใช้งบประมาณประมาณ 3.3 พันล้านปอนด์ต่อปี หรือคิดเป็น 24% ของงบประมาณด้านไอทีทั้งหมด เพื่อบำรุงรักษาระบบหลักเพียงอย่างเดียว

ผู้บริหารที่เข้าร่วมการสำรวจมากกว่าครึ่งหนึ่งระบุว่าแพลตฟอร์มเหล่านี้เป็น "เหวลึก" ที่คอยสูบเวลาและเงินไปอย่างต่อเนื่อง 65% เชื่อว่าระบบมีต้นทุนที่ซ่อนอยู่ และ 59% บ่นว่าต้องจ่ายเงินค่าบำรุงรักษาจากบุคคลที่สามและค่าธรรมเนียมปรับเปลี่ยนคุณสมบัติสูงถึง 1.5 ล้านปอนด์ต่อปี

พอล มิไฮโลวิช หัวหน้าฝ่ายธนาคารและเทคโนโลยีการตลาดของ Baringa เตือนว่าการพึ่งพาระบบนี้มีข้อกังวลสำคัญสองประการ ประการแรก หากมีผู้เชี่ยวชาญรุ่นเก่าเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถบำรุงรักษาระบบได้ การแก้ไขปัญหาทางเทคนิคใดๆ ก็จะเป็นเรื่องยากยิ่ง ประการที่สอง โปรแกรมที่ล้าสมัยขาดความยืดหยุ่นและไม่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็ว ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษายังคงเพิ่มสูงขึ้นทุกปี และการอัปเดตด้านความปลอดภัยที่ไม่เพียงพอทำให้ระบบมีความเสี่ยงต่อการโจมตีทางไซเบอร์และอาจขัดขวางการปฏิบัติตามกฎระเบียบใหม่ๆ

ผู้บริหารระดับสูงด้านไอทีของธนาคารแห่งหนึ่งในอังกฤษ ซึ่งไม่ประสงค์ออกนาม กล่าวว่าระบบเก่าจำนวนมากยังคงอยู่รอดมาได้หลายทศวรรษด้วยสถาปัตยกรรมที่เรียบง่าย เสถียร และความสามารถในการจัดการธุรกรรมพื้นฐานจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้เชี่ยวชาญด้าน COBOL ค่อยๆ เกษียณอายุ และคนรุ่นใหม่เริ่มให้ความสนใจในภาษาเหล่านี้น้อยลง ธนาคารจึงจำเป็นต้องเร่งเลิกใช้ภาษาเหล่านี้ บุคคลผู้นี้ยังยอมรับว่าเมื่อช่องว่างด้านทรัพยากรบุคคลกว้างขึ้น การหาผู้เชี่ยวชาญที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเพื่อดูแลรักษาและปรับปรุงระบบเหล่านี้จึงเป็นเรื่องยากขึ้นเรื่อยๆ