คนละครึ่ง พลัส + วัดใจกัน จ่ายคนละครึ่ง
หลังจากรัฐบาลเปิดตัวโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” เมื่อวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา บรรยากาศการจับจ่ายของประชาชนก็ดูคึกคักขึ้นทันตา ร้านค้าเล็กใหญ่กลับมามีลูกค้าแวะเวียน เงินหมุนในระบบเริ่มขยับตัวอีกครั้งตามความตั้งใจของรัฐที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว แต่ในขณะเดียวกัน เสียงคำถามจากผู้ใช้สิทธิก็ดังขึ้นไม่แพ้เสียงสแกนจ่าย หลายคนยังคงมึนงงกับเงื่อนไขและวิธีการใช้สิทธิใน “คนละครึ่ง พลัส” ที่ชื่อดูเข้าใจง่าย แต่พอใช้งานจริงกลับเต็มไปด้วยขั้นตอนที่ทำให้ต้องเกาหัวตั้งแต่เปิดแอปฯ เป๋าตังยันตอนจ่ายเงิน
รัฐบาลตั้งใจจะช่วยประชาชนให้มีแรงซื้อ มีเงินหมุนในระบบเศรษฐกิจ แต่รายละเอียดในโครงการกลับมีจุดให้ขมวดคิ้วมากกว่าขยับยิ้ม เช่น การจำกัดอายุผู้ใช้สิทธิไว้ที่ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป เหตุผลคือเพื่อให้เป็นผู้บรรลุนิติภาวะ รู้จักรับผิดชอบการใช้เงิน แต่ในชีวิตจริง เด็กมัธยมที่บริหารเงินค่าขนมวันละห้าสิบบาทก็อาจมีวินัยมากกว่าผู้ใหญ่บางคนเสียอีก ถ้าโครงการนี้ตั้งใจจะปลูกฝังการใช้จ่ายอย่างมีเหตุผล ก็น่าจะเปิดโอกาสให้เยาวชนได้เรียนรู้ร่วมด้วย ไม่ใช่กันไว้แต่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ เพราะสุดท้าย การใช้เงินอย่างมีสติไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุ แต่อยู่ที่ความเข้าใจในคุณค่าของเงินต่างหาก
อีกประเด็นหนึ่งที่ทำให้หลายคนถึงกับถอนหายใจคือการห้ามใช้สิทธิซื้อน้ำมันรถ ซึ่งเป็นของจำเป็นในชีวิตประจำวัน คนทำงานต้องเติม คนค้าขายต้องขนของ คนขับรถส่งของก็ต้องวิ่ง ถ้าเศรษฐกิจจะหมุนได้จริง สิ่งแรกที่ควรหมุนคือ “ล้อรถ” แต่กลับกลายเป็นว่ารัฐเลือกหยุดไว้กลางทาง เพราะกลัวจะผิดวัตถุประสงค์ของโครงการ การกระตุ้นเศรษฐกิจจึงดูเหมือนการให้วิ่งมาราธอน แต่ห้ามใส่รองเท้า เพราะ “ไม่อยู่ในรายการที่ได้รับสิทธิ”
ส่วนเรื่องการ “เติมเงินก่อนใช้” ก็เป็นอีกบทวัดใจที่ทำให้ประชาชนต้องขมวดคิ้วอย่างงงๆ เพราะรัฐบาลเติมเงินเข้าวอลเล็ทให้จริงตามสิทธิที่ประกาศไว้ แต่เงินนั้นกลับ “ยังใช้ไม่ได้” จนกว่าประชาชนจะเติมเงินของตัวเองเข้าไปก่อน โครงการชื่อ “คนละครึ่ง” แต่ความรู้สึกกลับเหมือน “รัฐให้แต่ยังไม่ให้ใช้” ต้องรอให้เราลงขันก่อนถึงจะปลดล็อกสิทธิได้เต็มจำนวน ถ้าเปรียบเป็นร้านอาหาร ก็คงเหมือนเจ้าของร้านยกอาหารมาเสิร์ฟไว้ตรงหน้าแต่บอกว่า “ยังห้ามกินนะ ต้องสั่งเพิ่มอีกจานก่อน ถึงจะได้กินจานนี้ด้วย” ผลสุดท้ายประชาชนก็ต้องควักเงินตัวเองเพื่อให้ได้ใช้สิทธิที่มีอยู่แล้วอยู่ดี
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางเสียงบ่นและรอยยิ้มฝืนๆ ก็ต้องยอมรับว่า “คนละครึ่ง พลัส” ยังมีข้อดีอยู่ไม่น้อย เพราะอย่างน้อยมันทำให้คนออกจากบ้าน ไปจับจ่ายในตลาดจริง ร้านเล็กๆ มีลูกค้าเพิ่มขึ้น เศรษฐกิจท้องถิ่นได้หมุนบ้าง และประชาชนเองก็รู้สึกว่าอย่างน้อยรัฐยังมองเห็นเขาอยู่ครึ่งหนึ่ง แม้อีกครึ่งหนึ่งจะยังต้องวัดใจกันอยู่ก็ตาม
สุดท้ายแล้ว “คนละครึ่ง พลัส” อาจไม่ได้เป็นเพียงโครงการแบ่งเงินกันใช้ แต่เป็นบทเรียนของ “ความร่วมมือ” ระหว่างรัฐกับประชาชน ว่าจะก้าวไปข้างหน้าด้วยกันได้ไหม โดยไม่ต้องมีใครรู้สึกว่าตัวเองจ่ายมากกว่าอีกฝ่าย ถ้าในวันหนึ่งเราทั้งคู่ต่างเข้าใจคำว่า “ครึ่ง” ในความหมายของการแบ่งปัน ไม่ใช่การแบ่งภาระ โครงการนี้ก็อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเศรษฐกิจแบบ “เต็มใจ” มากกว่า “ครึ่งใจ” ก็เป็นได้
สถิติหวย ย้อนหลัง 10 ปี เลขท้าย 2 ตัว งวด 30 ธันวาคม
BBC ยกให้ "กรุงพนมเปญ" ติด TOP20..ปลายทางที่ดีที่สุดในโลก
APC M113 รถเกราะ 60 ปี ลุยสมรภูมิช่องอานม้า เสริม "เกราะไม้" กันจรวดสุดแกร่ง
สอยอีกหนึ่ง นายพลเขมรร่วง อีกราย
นัดแล้วเปลี่ยน! กัมพูชาขอย้าย GBC ไปมาเลเซีย โยนเหตุผลกลัวไทยไม่ปลอดภัย
อาเซียนเนื้อหอม! เจาะเหตุผลทำไม บังกลาเทศ-ปาปัวนิวกินี-ฟิจิ อยากเข้าใกล้ครอบครัวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ช่องอานม้าแตก! ทหารไทยรุกยึดบังเกอร์ ปักธงชาติคืนพื้นที่
ไทยซื้อระบบป้องกันทางอากาศใหม่ !
วิมานบนดินที่ไร้เงาเจ้าของ เจาะปมคฤหาสน์ลอยฟ้า 658 ล้านที่กลายเป็นเพียงอนุสรณ์แห่งความล้มเหลว
เจาะเลขเด็ดปกสลาก งวด 2 ม.ค. 69 ต้อนรับปีใหม่ปีมะเมียทอง
เขมรขอเปลี่ยนที่ประชุม GBC หรือว่ามันจะเปิดทางให้มีการปะทะวันพรุ่งนี้
ตร.จับหนุ่มทุบกระจกเก๋ง ลักทรัพย์ อ้างตกงาน เมียเลิก
มิสยูนิเวิร์สคนแรกของบราซิลเสียชีวิตแล้ว
ตร.จับหนุ่มทุบกระจกเก๋ง ลักทรัพย์ อ้างตกงาน เมียเลิก
เขมรขอเปลี่ยนที่ประชุม GBC หรือว่ามันจะเปิดทางให้มีการปะทะวันพรุ่งนี้
นัดแล้วเปลี่ยน! กัมพูชาขอย้าย GBC ไปมาเลเซีย โยนเหตุผลกลัวไทยไม่ปลอดภัย
เขมรปอดแหก! หวั่นถูกลอบสังหๅร..ขอประชุม GBC ที่มาเลเซีย เมินมาไทย





