สะเทือนวงการ! ดารารุ่นใหญ่ “ป.” แฉวงในค่ายหนังดังสุดแซ่บ “ท็อป” โผล่คอมเมนต์ทันที!

🔥 วงการบันเทิงสั่นสะเทือน! “ปู ยะสะกะ ไชยบูรณ์” ดารารุ่นใหญ่ระบายเดือด โดนค่ายหนังเลื่อนเปิดกล้องไม่มีกำหนด ทั้งที่เซ็นสัญญา-เปลี่ยนลุค-ปฏิเสธงานอื่นไปแล้ว ชาวเน็ตแห่ถาม “ดาราโดนเอาเปรียบอีกแล้วหรือ?”

วงการบันเทิงไทยต้องร้อนระอุอีกระลอก! หลังนักแสดงรุ่นใหญ่ “ปู ยะสะกะ ไชยบูรณ์” หรือที่บางคน

รู้จักกันในชื่อ “ปู มะสะกะ ไชยบูรณ์” ออกมาโพสต์ข้อความระบายสุดเดือดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เปิดเผยถึงประสบการณ์สุดเจ็บปวดจากการทำงานกับค่ายหนังชื่อดัง ที่ว่าจ้างให้ร่วมแสดงภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง แต่กลับ “เลื่อนเปิดกล้อง” แบบไร้กำหนด ทั้งที่มีการเซ็นสัญญาและเตรียมตัวเต็มขั้นมาเป็นเดือน ทำให้เจ้าตัวต้องสูญเสียโอกาสงานอื่น ๆ ที่ติดต่อเข้ามาในช่วงเวลาเดียวกันไปหลายชิ้น

โพสต์ดังกล่าวกลายเป็นประเด็นร้อนบนโลกโซเชียลในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง มีทั้งแฟนคลับ เพื่อนนักแสดง และชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาให้กำลังใจ พร้อมตั้งคำถามถึง “ความเป็นธรรม” และ “มาตรฐานความรับผิดชอบ” ของค่ายหนังไทยในปัจจุบัน ว่าการจ้างงานในวงการบันเทิงนั้น มีความมั่นคงและยุติธรรมกับศิลปินเพียงพอหรือไม่

 

🎬 เบื้องหลังเรื่องราวที่กลายเป็นดราม่าใหญ่

จากโพสต์ของ ปู ยะสะกะ บนเฟซบุ๊กส่วนตัว “Yasaka Chaisorn” เขาเล่าว่าได้รับการว่าจ้างให้ร่วมแสดงภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง โดยมีการพูดคุยและตกลงคิวถ่ายทำอย่างเป็นทางการกว่า 17–18 วัน พร้อมทั้งได้เข้าร่วมกระบวนการเตรียมงานทุกขั้นตอน ทั้งการอ่านบท ฟิตติ้ง เสื้อผ้า เวิร์กช็อป รวมถึงการเปลี่ยนลุคใหม่ให้ตรงกับคาแรกเตอร์ในเรื่อง ซึ่งถึงขั้นต้อง “ตัดผม” และ “ทำฟันปลอม” เพื่อให้เข้ากับบทบาท

เขากล่าวว่า “ทุกอย่างดำเนินไปตามขั้นตอนอย่างเป็นระบบ จนถึงขั้นเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว” ทำให้มั่นใจว่าผลงานนี้จะเดินหน้าแน่นอน จึงได้ปฏิเสธงานอื่นที่ติดต่อเข้ามาในช่วงเวลาเดียวกัน เพราะได้ล็อกคิวไว้เต็มเดือนเพื่อทุ่มเทให้กับโปรเจกต์นี้เพียงเรื่องเดียว

แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อทางค่ายหนังติดต่อมาบอกว่า “ขอเลื่อนเปิดกล้อง” โดยไม่ระบุวันเวลาชัดเจนว่าจะเริ่มถ่ายทำเมื่อใด ทั้งที่ตามแผนเดิม หากทุกอย่างเป็นไปตามกำหนด ภาพยนตร์เรื่องนี้ควรจะ “ปิดกล้อง” ไปตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2568 แล้ว

 

💬 คำพูดจากใจ “ปู ยะสะกะ” ที่สะท้อนความเหนื่อยใจของนักแสดงอาชีพ

ในโพสต์ดังกล่าว ปูได้เขียนข้อความสุดสะเทือนใจว่า

 “ผมจะรับงานใหม่แล้วนะ เธอ ผมรอไม่ไหว มันมีค่าใช้จ่ายทุกวัน เคยถามไปแล้วว่ากรณีนี้จะได้เงินยังไง เธอบอกว่าจะจ่ายตามสัญญา ผมเลยอยากถามว่า จะจ่ายให้พี่ได้ไหมตามที่พูดไว้ ขอบคุณมากๆ ครับ เราแย่แล้ว ขอบคุณอีกครั้งครับ”

เพียงข้อความไม่กี่บรรทัดนี้ กลับทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความอัดอั้นและความผิดหวังของนักแสดงที่ทำงานด้วยความรับผิดชอบ แต่กลับต้องมาพบเจอสถานการณ์ที่ไม่ได้เกิดจากความผิดของตนเอง

คำว่า “เราแย่แล้ว” กลายเป็นประโยคที่ถูกพูดถึงอย่างมาก เพราะสะท้อนให้เห็นถึงสภาพความเป็นจริงของศิลปินอาชีพในวงการบันเทิง ที่แม้จะดูสวยหรูภายนอก แต่เบื้องหลังกลับมีความไม่มั่นคงทางรายได้และระบบการทำงานที่ยังขาดมาตรฐานชัดเจน

📱 โซเชียลระอุ! เพื่อนดาราและชาวเน็ตแห่ให้กำลังใจ

หลังโพสต์ถูกเผยแพร่บนเฟซบุ๊กและแพร่ต่อบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น X (Twitter), TikTok และ Threads ทำให้เกิดกระแส “ส่งกำลังใจให้พี่ปู” อย่างล้นหลาม

นักแสดงรุ่นใหญ่ “ท็อป ดารณีนุช” ก็ได้เข้ามาคอมเมนต์ให้กำลังใจว่า

 “ทำไมเอาเปรียบกันแบบนี้ สู้สู้นะคะพี่ปู ดาราดังตอนหนุ่มใหญ่เลยคุณเพื่อน แต่เราก็สามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียเวลาตามกฎหมายได้นะคะ”

ขณะที่แฟนคลับจำนวนมากต่างร่วมกันแสดงความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน เช่น

“ของพี่ปูยังเริ่มต้นใหม่ได้ ของผมโดนแช่แข็งไม่มีกำหนดเลยครับ เข้าใจหัวอกเลย”

“วงการนี้โหดกว่าที่คิด คนเบื้องหน้าโดนเอาเปรียบเยอะมาก”

“ค่ายใหญ่ควรมีความรับผิดชอบมากกว่านี้นะคะ ดาราก็มีค่าใช้จ่ายเหมือนกัน”

หลายคนมองว่ากรณีนี้เป็นเหมือน “น้ำล้นแก้ว” ที่สะท้อนปัญหาฝังรากลึกในวงการบันเทิงไทย ที่นักแสดงจำนวนมากต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนจากฝั่งผู้จ้าง โดยเฉพาะในโปรเจกต์ภาพยนตร์และละครที่มักถูกเลื่อนหรือยกเลิกโดยไม่แจ้งล่วงหน้า

 

⚖️ เมื่อ “ช่องโหว่ในระบบ” กลายเป็นบาดแผลของศิลปิน

นักวิจารณ์วงการบันเทิงบางรายได้ออกมาชี้ว่า ปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมานานแล้วในระบบการจ้างงานของค่ายใหญ่หลายแห่ง โดยเฉพาะเมื่อโปรเจกต์ยังอยู่ในขั้นตอนระดมทุนหรือหาผู้สนับสนุน หากเกิดปัญหาทางการเงินขึ้นมา ผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงกลับเป็น “นักแสดงและทีมงาน” ที่ต้องหยุดทุกอย่างไว้กลางทาง

กรณีของ ปู ยะสะกะ ยิ่งทำให้เห็นชัดว่า นักแสดงเองก็มีต้นทุนชีวิต มีค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว ค่าบ้าน ค่าเดินทาง หรือแม้แต่ค่าใช้จ่ายพื้นฐานทั่วไป การที่ต้องว่างงานโดยไม่มีกำหนด ทั้งที่ได้เตรียมตัวและเสียสละโอกาสงานอื่นไปแล้ว ย่อมถือเป็นความเสียหายที่ประเมินค่าไม่ได้

หลายคนเรียกร้องให้มีการจัดตั้ง “สมาคมนักแสดงอิสระ” ที่สามารถยื่นร้องเรียนและคุ้มครองสิทธิ์ของศิลปินในลักษณะนี้ได้ เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการบันเทิงไทยโปร่งใสและยุติธรรมมากขึ้น

🎭 “ปู ยะสะกะ” กับเส้นทางกว่า 30 ปีในวงการ

หากพูดถึงชื่อ “ปู ยะสะกะ ไชยบูรณ์” คอหนังและละครหลายคนคงคุ้นเคยกับใบหน้าของเขาในบทบาทสมทบที่ทรงพลัง ไม่ว่าจะเป็นบทผู้ร้าย เจ้าหน้าที่รัฐ หรือคุณพ่อในละครหลายเรื่อง เขาเป็นนักแสดงที่มีฝีมือและได้รับการยอมรับจากผู้กำกับและนักแสดงร่วมงานมาตลอด

ตลอดกว่า สามทศวรรษในวงการบันเทิงไทย ปู ยะสะกะ ถือเป็นหนึ่งในนักแสดงที่ทำงานอย่างมืออาชีพและมีวินัยสูง เขาไม่ค่อยมีข่าวด้านลบหรือเรื่องส่วนตัวในสื่อ จึงยิ่งทำให้ชาวเน็ตตกใจและเห็นใจเมื่อเห็นเขาออกมาโพสต์ระบายในครั้งนี้

แฟนคลับบางคนถึงขั้นแชร์ภาพผลงานเก่า ๆ ของเขาพร้อมข้อความว่า

“คนเก่งแบบนี้ยังโดนเอาเปรียบได้อีก วงการนี้ต้องเปลี่ยนแล้วจริง ๆ”

 

🧩 เสียงสะท้อนจากคนในวงการ: “นี่ไม่ใช่เรื่องของปูคนเดียว”

ผู้กำกับและนักเขียนบทบางคนได้ออกมาแสดงความเห็นเพิ่มเติม โดยระบุว่า ปัญหาการ “เลื่อนเปิดกล้องแบบไม่มีกำหนด” มักเกิดขึ้นบ่อยในวงการ แต่ส่วนใหญ่นักแสดงไม่กล้าออกมาพูด เพราะกลัวว่าจะไม่มีค่ายไหนกล้าจ้างในอนาคต

แต่การที่ “ปู ยะสะกะ” กล้าออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่อาจทำให้วงการเริ่มตระหนักถึงปัญหาที่แท้จริง

“นี่ไม่ใช่เรื่องของพี่ปูคนเดียว แต่มันคือปัญหาของระบบทั้งหมด นักแสดงจำนวนมากเคยเจอแบบนี้แต่ไม่มีใครกล้าพูด เพราะกลัวเสียโอกาสในอนาคต” — คำพูดจากอดีตผู้กำกับละครชื่อดังคนหนึ่งที่ร่วมงานกับปูในอดีต

💡 บทเรียนจากเหตุการณ์นี้: วงการที่ต้องมี “มาตรฐาน” มากกว่า “สัญญาใจ”

เหตุการณ์นี้กลายเป็นตัวอย่างสำคัญที่สะท้อนให้เห็นว่า วงการบันเทิงไทยยังขาดระบบที่รับรองความมั่นคงของนักแสดงอย่างแท้จริง แม้จะมีการเซ็นสัญญาแล้ว แต่หากไม่มีการกำหนดบทลงโทษหรือข้อผูกพันที่ชัดเจนในกรณีเลื่อนถ่ายทำหรือยกเลิกกะทันหัน ดาราก็จะยังคงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเสมอ

ชาวเน็ตจำนวนมากเสนอว่า ควรมีมาตรฐานกลางในการทำ “สัญญาจ้างงาน” ที่ระบุเงื่อนไขการชดเชยหากมีการเลื่อนหรือยกเลิกงานโดยไม่แจ้งล่วงหน้า เช่น การจ่ายค่าชดเชยตามจำนวนวันที่นักแสดงได้ล็อกคิวไว้ หรือการแจ้งเลื่อนล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน เพื่อให้นักแสดงสามารถจัดการชีวิตและรายได้ของตนเองได้ทัน

 

🌟 ชาวเน็ตสรุป “ปัญหานี้ไม่ใช่แค่เรื่องของคนคนเดียว แต่คือเรื่องของทั้งวงการ”

หลังจากประเด็นนี้กลายเป็นไวรัล #ให้กำลังใจปูยะสะกะ ขึ้นเทรนด์บน X มีคนเข้ามาแสดงความเห็นกว่าหมื่นข้อความ โดยส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า ถึงเวลาแล้วที่วงการบันเทิงไทยควรยกระดับความเป็นมืออาชีพ ทั้งในแง่ของการบริหารจัดการ การสื่อสารกับทีมงาน และการให้เกียรติผู้ร่วมงานทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม

 “เราไม่ได้อยากเห็นใครทะเลาะ แต่เราอยากเห็นวงการบันเทิงไทยโตไปข้างหน้าอย่างมีมาตรฐาน” — คอมเมนต์จากชาวเน็ตคนหนึ่งที่ได้รับการกดไลก์มากกว่า 5,000 ครั้ง

 

📍 บทสรุป: ดราม่าครั้งนี้อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนของวงการไทย

กรณีของ “ปู ยะสะกะ ไชยบูรณ์” ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องส่วนตัวของนักแสดงคนหนึ่งที่โดนเลื่อนงาน แต่เป็นเสียงสะท้อนของปัญหาที่อยู่เบื้องหลังระบบบันเทิงไทยมานาน การที่เขากล้าออกมาพูดอย่างตรงไปตรงมา คือสิ่งที่หลายคนมองว่า “กล้าหาญ” และ “จำเป็น” เพราะมันอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง

ชาวเน็ตต่างหวังว่า เหตุการณ์ครั้งนี้จะไม่จบเพียงแค่การเป็นกระแส แต่จะนำไปสู่การปรับปรุงกฎเกณฑ์การทำงานให้โปร่งใส เป็นธรรม และให้เกียรติทุกคนในวงการอย่างเท่าเทียม ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงหน้าใหม่หรือรุ่นใหญ่ที่อยู่ในอาชีพมานาน

สุดท้ายนี้ เสียงหนึ่งในคอมเมนต์ของแฟนคลับได้สรุปทุกอย่างไว้อย่างสวยงามว่า

 “ดาราก็คือคนทำงานเหมือนเรา มีความรับผิดชอบ มีความฝัน และมีความหวัง อย่าปล่อยให้คนที่ทำดีต้องหมดศรัทธาในวงการที่เขารัก”