หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
News บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

บุกทลายโกดังใหญ่! เครื่องสำอางเถื่อนกว่า 70,000 ชิ้น มูลค่าทะลุ 7 ล้านบาท

โพสท์โดย bbb1236555

🚨 อย.บุกทลายโกดังเครื่องสำอางเถื่อนกลางกรุง! กว่า 70,000 ชิ้น มูลค่ารวมทะลุ 7 ล้านบาท พบ “นายทุนต่างชาติ” อยู่เบื้องหลัง สินค้าไม่มีฉลากภาษาไทย เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต

กรุงเทพฯ – วันที่ 30 ตุลาคม 2568 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เข้าตรวจค้นโกดังขนาดใหญ่ในพื้นที่ แขวงบางบอนใต้ เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร

การตรวจค้นครั้งนี้ใช้ หมายค้นจากศาลแขวงบางบอน หลังได้รับรายงานร้องเรียนว่ามีการเก็บและจำหน่ายเครื่องสำอางผิดกฎหมายจำนวนมาก โดยมีการลักลอบนำเข้ามาจากต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต และนำไปจำหน่ายต่อผ่านช่องทางออนไลน์

เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในโกดัง พบเครื่องสำอางกว่า 70,000 ชิ้น มูลค่ารวมประมาณ 7 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดไม่มี ฉลากภาษาไทย และไม่มี เลขที่จดแจ้ง อย. อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

 

🧴 ภายในโกดังสุดอึ้ง! พบสินค้าหลากหลายประเภท ทั้งน้ำยาย้อมผม ผ้าอนามัย ครีมกันแดด และครีมบำรุงผิว

ภายในโกดัง เจ้าหน้าที่พบสินค้าหลายประเภทวางเรียงรายเต็มพื้นที่คล้ายศูนย์กระจายสินค้า มีทั้ง น้ำยาย้อมผม ครีมกันแดด ครีมบำรุงผิว โลชั่นผิวขาว เซรั่มหน้าใส รวมถึงผ้าอนามัยหลายยี่ห้อ ที่ไม่มีข้อมูลแหล่งผลิตอย่างชัดเจน

บางผลิตภัณฑ์ถูกบรรจุในกล่องหรูหรา ใช้ภาษาเกาหลี ญี่ปุ่น และจีน แต่กลับไม่มีคำแปลเป็นภาษาไทย หรือระบุรายละเอียดส่วนผสมที่ถูกต้อง ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายชัดเจน

นางจิตตรา หมีทองธนกรณ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า

 “โกดังแห่งนี้เคยถูกตรวจค้นแล้วเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2567 โดยในครั้งนั้นพบสินค้าน้ำยาย้อมผมผิดระเบียบ อย. มีผู้บริโภคหลายรายร้องเรียนว่าใช้แล้วเกิดอาการผมร่วงรุนแรง จนขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนดำเนินคดี”

นางจิตตรากล่าวต่อว่า การตรวจครั้งนี้พบว่าเจ้าของโกดังยังคงกระทำผิดซ้ำ โดยนำเข้าสินค้าประเภทเดียวกันและเพิ่มรายการใหม่อีกหลายชนิด ซึ่งทั้งหมดถือว่าผิดกฎหมายอย่างชัดเจน

 “อย. จะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ไม่มีการผ่อนปรนใด ๆ ทั้งสิ้น และจะเก็บตัวอย่างสินค้าทั้งหมดส่งไปตรวจวิเคราะห์ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อดูว่ามีสารต้องห้ามหรือสารอันตรายปนเปื้อนอยู่หรือไม่”

🕵️‍♂️ ตำรวจ ปคบ. แฉเบื้องหลังขบวนการ! มี “นายทุนต่างชาติ” ควบคุมจากต่างประเทศ

พ.ต.อ.วิระพงษ์ คล้ายทอง ผกก.4 บก.ปคบ. เผยว่า คดีนี้เริ่มจากการได้รับร้องเรียนจากผู้บริโภคจำนวนมากผ่านช่องทางของ อย. และ ปคบ. ว่ามีเครื่องสำอางหลายชนิดที่จำหน่ายทางออนไลน์ ไม่มีเลขจดแจ้ง อย. และไม่มีฉลากภาษาไทย

เมื่อตรวจสอบเชิงลึก พบว่ามีการสั่งสินค้าจากต่างประเทศมาส่งที่โกดังแห่งนี้ ก่อนถูกแพ็กใหม่และจำหน่ายต่อในแพลตฟอร์มออนไลน์หลายแห่ง ทั้งเว็บไซต์ขายของและแอปพลิเคชันยอดนิยม

 “จากการสืบสวนพบว่ามีชาวต่างชาติเป็นนายทุนอยู่เบื้องหลัง มีการลักลอบนำสินค้าเข้ามาในไทยโดยไม่ผ่านด่าน อย. และไม่เสียภาษีตามกฎหมาย ก่อนกระจายขายในตลาดออนไลน์ทั่วประเทศ”

พ.ต.อ.วิระพงษ์ ยังกล่าวอีกว่า สินค้ากลุ่มนี้ส่วนใหญ่ เน้นขายราคาถูก เพื่อดึงดูดผู้บริโภคที่มองหาความสวยความงามในราคาย่อมเยา แต่ไม่รู้เลยว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้อาจมีสารเคมีอันตราย เช่น ปรอท ไฮโดรควิโนน หรือสเตียรอยด์ ที่ทำให้เกิดผลข้างเคียงร้ายแรงต่อผิวหนังและสุขภาพ

 

⚖️ โทษหนัก! จำคุก-ปรับสูง หากจำหน่ายสินค้าที่ไม่ผ่าน อย.

ด้าน เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เตือนผู้ประกอบการและผู้จำหน่ายว่า การนำเข้าหรือขายสินค้าที่ไม่ได้รับอนุญาตจาก อย. ถือเป็นความผิดร้ายแรงตามกฎหมาย

โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นอกจากนี้ สินค้าบางชนิดแม้จะมีใบอนุญาตถูกต้อง แต่หากนำเข้าโดยไม่ผ่านด่าน อย. ก็ถือเป็นการ ลักลอบนำเข้าโดยไม่เสียภาษี ซึ่งมีโทษปรับสูงสุด 20,000 บาท

และที่สำคัญ หากสินค้าใดจำหน่ายในประเทศไทยโดย ไม่มีฉลากภาษาไทย จะถือว่าเป็นสินค้าผิดกฎหมายเช่นกัน มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

🧠 รู้ไว้ก่อนซื้อ! “ฉลากภาษาไทย” สำคัญกว่าที่คิด

อย. ย้ำว่า สินค้าเครื่องสำอางทุกชนิดที่จำหน่ายในประเทศไทยต้องมี ฉลากภาษาไทย ระบุข้อมูลสำคัญ เช่น

ชื่อผลิตภัณฑ์

ส่วนประกอบสำคัญ

ชื่อและที่อยู่ของผู้นำเข้า/ผู้ผลิต

วิธีใช้

เลขที่จดแจ้ง อย.

วันเดือนปีที่ผลิต และวันหมดอายุ

ข้อมูลเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบความปลอดภัยก่อนซื้อและใช้ หากไม่มีฉลากภาษาไทย อาจหมายถึงสินค้านั้น ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบจาก อย. ซึ่งเสี่ยงต่อการมีสารต้องห้าม

ตัวอย่างเช่น สาร ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) ซึ่งนิยมใช้ในครีมหน้าขาว แต่หากใช้ต่อเนื่องจะทำให้ผิวหนังบางและเกิดฝ้าถาวร ส่วนสาร ปรอท ที่บางยี่ห้อใส่ในครีมเพื่อให้ผิวขาวเร็ว ก็อาจทำให้ไตวายหรือเกิดพิษสะสมในร่างกายได้

📦 การตรวจโกดังครั้งนี้สะท้อน “ปัญหาซ้ำซาก” ในตลาดออนไลน์

แม้หน่วยงานรัฐจะบุกจับและปราบปรามขบวนการลักลอบจำหน่ายสินค้าผิดกฎหมายมาโดยตลอด แต่ปัญหากลับเกิดซ้ำ เนื่องจากความสะดวกของ ตลาดออนไลน์ ที่เปิดให้บุคคลทั่วไปสามารถขายสินค้าได้โดยไม่ต้องมีหน้าร้าน

เจ้าหน้าที่เผยว่า ผู้กระทำผิดมักใช้ บัญชีออนไลน์ปลอม และกระจายสินค้าในหลายช่องทาง ทำให้ติดตามได้ยาก เมื่อถูกตรวจจับก็มักจะเปลี่ยนชื่อร้านใหม่ทันที

อย. ระบุว่า ในปี 2568 เพียงปีเดียว ได้ตรวจยึดเครื่องสำอางผิดกฎหมายกว่า 3 ล้านชิ้นทั่วประเทศ โดยส่วนใหญ่เป็นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศที่ไม่มีฉลากภาษาไทยหรือมีการปลอมเลข อย.

 

💬 ผู้บริโภคแห่แสดงความคิดเห็น “สวยไม่คุ้มเสี่ยง”

หลังข่าวการบุกทลายโกดังถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ ชาวเน็ตจำนวนมากออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง โดยส่วนใหญ่แสดงความไม่พอใจและเรียกร้องให้มีการเอาผิดผู้ค้าอย่างเด็ดขาด

บางความคิดเห็นระบุว่า “เห็นสินค้าหน้าตาสวยแต่ราคาถูกมาก ก็สงสัยอยู่แล้วว่าไม่น่าจะของแท้” ขณะที่อีกหลายคนเผยว่าตนเองเคยใช้สินค้าลักษณะเดียวกันที่ซื้อผ่านออนไลน์ และเกิดอาการแพ้จนต้องพบแพทย์

 “อย่าเห็นแก่ความสวยราคาถูกเลยค่ะ ผิวหน้าเราแพงกว่าเครื่องสำอางพวกนี้มาก ถ้าใช้แล้วพัง หมอรักษายังไงก็ไม่กลับมาเหมือนเดิม” – ความเห็นจากชาวเน็ต

🧪 อย. เตรียมตรวจสารปนเปื้อน – หวั่นพบสารอันตรายที่ห้ามใช้ในไทย

อย. ระบุว่า ขณะนี้ได้ส่งตัวอย่างสินค้าที่ตรวจยึดทั้งหมดไปยัง กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อวิเคราะห์ส่วนประกอบ หากพบว่ามีสารต้องห้าม เช่น ปรอท ตะกั่ว หรือไฮโดรควิโนน จะดำเนินคดีตามกฎหมายทันที

ในกรณีที่พบว่าสินค้ามีการปลอมแปลงเลข อย. หรือสวมชื่อผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่มีอยู่จริง จะมีโทษหนักเพิ่มเติมในข้อหาปลอมแปลงเอกสารและหลอกลวงผู้บริโภค

 

🌍 ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ประเทศ

ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดเครื่องสำอางให้ความเห็นว่า การลักลอบจำหน่ายสินค้าผิดกฎหมายไม่เพียงกระทบต่อผู้บริโภค แต่ยังทำลายความเชื่อมั่นของอุตสาหกรรมความงามไทยในสายตาต่างประเทศ

 “เมื่อมีข่าวลักษณะนี้ออกมา ต่างชาติอาจมองว่าไทยเป็นตลาดที่ควบคุมคุณภาพไม่ได้ ซึ่งกระทบต่อผู้ประกอบการที่ทำถูกกฎหมายโดยตรง”

นอกจากนี้ ยังทำให้รัฐสูญเสียรายได้จากภาษีนำเข้า และเกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้ค้าถูกกฎหมายที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมและผ่านการตรวจคุณภาพอย่างเข้มงวด

 

📣 อย. วางแผนเข้มงวด – เตรียมร่วมมือแพลตฟอร์มออนไลน์ปิดร้านค้าผิดกฎหมาย

เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก อย. ได้หารือร่วมกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ในไทย เช่น Shopee, Lazada และ TikTok Shop เพื่อวางระบบกรองร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าที่ไม่มีเลข อย. หรือไม่มีฉลากภาษาไทย

โดยจะมีระบบ “แจ้งเตือนอัตโนมัติ” ให้ผู้บริโภคทราบก่อนสั่งซื้อ และหากร้านค้าใดฝ่าฝืน จะถูกระงับบัญชีถาวรพร้อมส่งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดี

 

🧘‍♀️ ข้อแนะนำจาก อย. ถึงผู้บริโภค

1. ตรวจเลข อย. ก่อนซื้อ สามารถตรวจสอบได้ผ่านเว็บไซต์ www.fda.moph.go.th

2. อย่าหลงเชื่อรีวิวเกินจริง เช่น “ขาวใน 3 วัน” หรือ “หน้าเด็กทันทีหลังใช้”

3. หลีกเลี่ยงสินค้าราคาถูกผิดปกติ เพราะอาจเป็นของปลอม หรือมีสารต้องห้าม

4. เก็บหลักฐานการซื้อ หากเกิดอาการแพ้หรือผลข้างเคียง จะได้ใช้ประกอบการร้องเรียน

5. รายงานร้านค้าผิดกฎหมาย ผ่านสายด่วน อย. 1556 หรือเพจ “อย. พร้อม”

 

🧩 สรุป: ปัญหาที่ต้องร่วมมือแก้ไข

เหตุการณ์บุกทลายโกดังครั้งนี้เป็นเพียง “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” ของปัญหาที่ซ่อนอยู่ในวงการเครื่องสำอางไทย การลักลอบนำเข้าและจำหน่ายสินค้าเถื่อนยังคงเป็นปัญหาต่อเนื่องที่ต้องอาศัยการร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานรัฐ ผู้ประกอบการ และผู้บริโภคเอง

เพราะ “ความสวย” ที่ได้มาจากสินค้าผิดกฎหมาย อาจแลกด้วย “สุขภาพ” ที่เสียไปตลอดชีวิต

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
bbb1236555's profile


โพสท์โดย: bbb1236555
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ดราม่าปลากระป๋องลาม! “บักบอย” ลั่น ปลากระป๋องตรา 3 แม่ครัว มีรากเหง้ามาจาก “กำแพงนครวัด” คนไทยสวนแรง “ดราม่ากลางสภา..! เสื้อผ้าไหมสีชมพูของ "ส.ส.สมศักดิ์" จุดกระแสถล่มสนั่นโซเชียล – พรรครีบแจง 5 ข้อ ยันเป็นเรื่องเข้าใจผิด😉 ชวนลองเข้ามาดูสถานการณ์น่าอึดอัดที่จะทำให้คุณรู้สึกว่าไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ 😠ไขข้อสงสัย หากใช้เงินคนละครึ่งพลัสไม่หมดสามารถสมทบไปวันต่อไปได้ไหมเปิดวาร์ป 10 อันดับ "สถานที่หลอนที่สุดในโลก" เมืองแม่มด "ซาเลม" ครองแชมป์! ในเอเชียมีแค่ญี่ปุ่นที่ติดโผ!
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
กองทัพอิสราเอลบุกโจมตีเลบานอนอย่างร้ายแรงชาวนาเขมรโอด! ปิดด่านทำพิษ “ข้าวราคาตก” – ขายไม่ได้ วอนรัฐบาลเร่งช่วยเหลือดราม่าปลากระป๋องลาม! “บักบอย” ลั่น ปลากระป๋องตรา 3 แม่ครัว มีรากเหง้ามาจาก “กำแพงนครวัด” คนไทยสวนแรง “
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ข่าววันนี้
"ปู มัณฑนา" ร้องเรียน "หนุ่ม กรรชัย" และ "โหนกระแส"..ไร้จรรยาบรรณสื่อ บิดเบือนข้อเท็จจริงเปิดสาเหตุ “เจนนี่” ยังไม่โอนเงิน 3 ล้าน หลัง “แม่เกตุ” ตัดพ้อสุดเจ็บกลางโซเชียล!สังคมสลด! เปิดประวัติหมอผู้ราดน้ำร้อนเด็ก 3 ขวบ แผลเหวอะ-รักษาช้า สุดท้ายดับ เจอข้อมูลไม่ธรรมดาคาร์นีย์จะพบกับผู้นำจีนในเกาหลีใต้
ตั้งกระทู้ใหม่