โซเชียลลุก! พบชายปริศนาในต่างประเทศ ชาวเน็ตแห่เดา ใช่เจ้าของอู่ดังคนที่เป็นข่าวหรือไม่?

🚗 ดราม่าอู่ V10 Garage วุ่น! ผู้เสียหาย 11 รายแฉซ่อมรถไม่เสร็จ–รถหาย อ้างเจ้าของอู่ “ใหญ่” หนีไปลาสเวกัส หวังหาเงินคืนลูกค้า?

กลายเป็นประเด็นร้อนแรงที่กำลังถูกพูดถึงอย่างหนักในโลกออนไลน์ เมื่อ ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิเครือข่ายทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ออกมาเปิดเผยว่า มีประชาชนจำนวนมากได้รับความเสียหายจากการนำรถยนต์ไปซ่อมที่อู่ชื่อดังย่านปทุมธานี ภายใต้ชื่อ “V10 Garage” ซึ่งมีชายคนหนึ่งชื่อเล่นว่า “ใหญ่” เป็นเจ้าของอู่

โดยเมื่อวันที่ผ่านมา ทนายรณณรงค์ ได้นำกลุ่มผู้เสียหายทั้งหมด 11 ราย เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรปากคลองรังสิต เพื่อดำเนินคดีหลังพบว่าอู่ดังกล่าวไม่สามารถส่งมอบรถคืนได้ตามกำหนด แถมยังปิดอู่หนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย พร้อมกับรถยนต์ของลูกค้าหลายคัน

 

🔧 จากอู่รถหรูสู่คดีฉาว – เมื่อรถลูกค้าหายพร้อมอู่ที่ปิดเงียบ

ข้อมูลจากผู้เสียหายเล่าว่า พวกเขาต่างนำรถยนต์ของตนเองไปซ่อม ปรับแต่ง หรือทำสีที่อู่ V10 Garage ซึ่งเจ้าของอู่ “คุณใหญ่” อ้างว่ามีความเชี่ยวชาญด้านการซ่อมรถหรูระดับพรีเมียม เช่น BMW, Benz, Porsche และ Audi โดยมีการเก็บเงินมัดจำตั้งแต่หลักแสนไปจนถึงหลักล้านบาทต่อคัน

ในช่วงแรก ๆ การซ่อมดูเหมือนจะเป็นไปตามปกติ แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับเริ่มมีความล่าช้า และเจ้าของอู่เริ่มติดต่อยากขึ้น บางรายติดต่อไม่ได้เลย เมื่อสอบถามความคืบหน้าของรถ ก็ได้รับคำตอบเลี่ยงไปมา เช่น “ช่างกำลังรออะไหล่จากต่างประเทศ” หรือ “เครื่องยังไม่เข้า” จนสุดท้ายไม่มีการอัปเดตใด ๆ เพิ่มเติม

ผู้เสียหายบางรายเล่าว่า เคยแวะไปดูรถที่อู่ด้วยตัวเอง ก็พบว่ารถยังอยู่ แต่เมื่อกลับไปอีกครั้ง กลับพบว่า “อู่ปิดเงียบ” และ “รถหายไป” โดยไม่ทราบปลายทาง

💰 มูลค่าความเสียหายรวมทะลุ 35 ล้านบาท

หลังจากรวมข้อมูลของผู้เสียหายทั้งหมด 11 ราย ปรากฏว่ามีมูลค่าความเสียหายรวมกันสูงถึงกว่า 35 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าตกใจอย่างมาก

ผู้เสียหายรายหนึ่งเปิดใจว่า “ตอนแรกไว้ใจเพราะเห็นว่าอู่ดูมีมาตรฐาน และเจ้าของพูดจาน่าเชื่อถือ มีรีวิวในโลกออนไลน์ มีลูกค้าระดับดารา–นักธุรกิจเคยใช้บริการ เราเลยตัดสินใจฝากรถไว้ซ่อม แต่ไม่คิดเลยว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้”

บางรายถึงขั้นบอกว่า รถของตนเป็นรถนำเข้าราคาเกือบ 5 ล้านบาท ที่ยังผ่อนอยู่กับไฟแนนซ์ แต่กลับไม่รู้ว่าตอนนี้รถอยู่ที่ไหน

 

⚖️ ทนายรณณรงค์ลั่น “ต้องหาความจริงให้ได้” – อู่ปิดหนีถือว่ามีเจตนาไม่สุจริต

ด้าน ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ระบุว่า เหตุการณ์นี้เข้าข่ายความผิดหลายประการ ทั้งในแง่ ฉ้อโกงทรัพย์ และ ยักยอกทรัพย์ ซึ่งมีโทษทางกฎหมายที่ไม่เบา โดยเฉพาะหากพิสูจน์ได้ว่าเจ้าของอู่มีเจตนาหลอกลวง

 “ในกรณีนี้ ผู้เสียหายหลายรายระบุตรงกันว่า ไม่สามารถติดต่อเจ้าของอู่ได้ และเมื่อเข้าไปที่อู่ก็พบว่าไม่มีรถอยู่แล้ว ถ้าข้อเท็จจริงเป็นเช่นนี้ ถือว่ามีเจตนาไม่สุจริต และต้องมีการสืบหาว่ารถทั้งหมดถูกนำไปไว้ที่ไหน”

นอกจากนี้ ทนายรณณรงค์ยังย้ำว่า กรณีนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะมูลค่าความเสียหายรวมกันสูงถึง 35 ล้านบาท จึงต้องเร่งรัดการสอบสวน และอาจต้องขยายผลว่ามีการโยกย้ายรถไปขายต่อหรือแยกชิ้นส่วนในตลาดมืดหรือไม่

 

🌍 โลกออนไลน์เดือด! หลังเพจดังเผยภาพชายคล้ายเจ้าของอู่ปรากฏตัวใน “ลาสเวกัส”

หลังข่าวการแจ้งความเผยแพร่ออกไปเพียงไม่นาน ก็มีความเคลื่อนไหวสำคัญเกิดขึ้นในโลกออนไลน์ เมื่อเพจชื่อดังอย่าง “ท่านเปา” ได้โพสต์ภาพชายคนหนึ่งหน้าตาคล้ายกับเจ้าของอู่ “ใหญ่” พร้อมข้อความว่า

“เอาใจช่วยเจ้าของอู่รถ V10 ‘ใหญ่ คายลิ้น’ หลังมุ่งหน้าเดินทางไปลาสเวกัส เพื่อหาเงินคืนลูกค้า... โรงแรม Sahara Hotel Las Vegas”

โพสต์นี้สร้างความฮือฮาและเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในทันที หลายคนตั้งคำถามว่า “หนีไปจริงหรือ?” “ทำไมถึงไปต่างประเทศได้?” และ “หาเงินคืนลูกค้าจริงหรือเป็นเพียงข้ออ้าง?”

ภาพดังกล่าวถูกแชร์ต่อเป็นวงกว้าง มีคนเข้ามาคอมเมนต์หลายพันข้อความ โดยส่วนใหญ่แสดงความไม่พอใจ พร้อมเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เร่งติดตามตัวกลับมารับผิดชอบต่อผู้เสียหาย

 

📹 ผู้โพสต์คลิปเผยเอง “เจอโดยบังเอิญในลิฟต์ที่อเมริกา”

ต้นตอของภาพและคลิปนั้น มาจากผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Anutin Jumroenbun ซึ่งออกมาชี้แจงว่า คลิปนี้ถูกถ่ายโดยเพื่อนของเขาที่ไปเที่ยวประเทศสหรัฐอเมริกา และบังเอิญเจอกับชายคนหนึ่งหน้าคล้ายเจ้าของอู่ดัง “ใหญ่” ในลิฟต์ของโรงแรมแห่งหนึ่งที่ลาสเวกัส

เจ้าตัวเล่าว่า

 “สวัสดีครับ จากเมื่อคืนนะครับ ที่ผมลงคลิปไป เป็นคลิปที่เพื่อนผมไปเที่ยวที่อเมริกา ตอนนั้นเพื่อนผมจอดรถอยู่ชั้น 5 ส่วนเขาจอดชั้น 4 แล้วทั้งคู่ก็มาเจอกันในลิฟต์ เพื่อนผมก็ทักมาหาผม บอกว่า ‘เจอเจ้าของอู่ดังนะ’ ผมก็เลยถามกลับว่า ‘แน่ใจเหรอ เอาให้ชัวร์นะ ลองถ่ายคลิปมาให้ดูหน่อยสิ แอบถ่ายมาก็ได้’”

“เพื่อนก็เลยถ่ายคลิปมาให้ผมดูครับ ผมก็หวังว่าคลิปนี้จะเป็นประโยชน์กับทางผู้เสียหายครับ เพราะหลังจากที่ผมโพสต์ไป ปรากฏว่ามีคนแชร์กันเยอะมาก ต้องขอขอบคุณทุกคนมาก ๆ ครับ”

เขายังกล่าวเพิ่มเติมว่า ไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องบานปลาย แต่ต้องการช่วยเหลือผู้เสียหายเท่านั้น

 “ส่วนคนที่ขอแอดเฟรนด์เข้ามา ผมขออนุญาตไม่รับนะครับ เพราะเฟซบุ๊กที่ใช้ส่วนใหญ่จะโพสต์เรื่องส่วนตัว ไม่ค่อยมีอะไรสาระเท่าไหร่ครับ ยังไงก็ขอบคุณทุกคนอีกครั้งนะครับ”

🕵️‍♂️ ชาวเน็ตตั้งคำถาม – “เดินทางออกนอกประเทศได้อย่างไร?”

หลังจากคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ โลกโซเชียลต่างแห่ตั้งคำถามว่า ชายคนนี้เดินทางออกนอกประเทศได้อย่างไร ทั้งที่มีผู้เสียหายจำนวนมากแจ้งความดำเนินคดีแล้ว

บางคนตั้งข้อสังเกตว่า หากยังไม่มีหมายจับออกโดยศาล เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองก็ไม่สามารถห้ามการเดินทางได้ ขณะที่บางความเห็นมองว่า หากเป็นการหลบหนีออกไปก่อนถูกออกหมาย อาจต้องรอการประสานงานระหว่างประเทศเพื่อขอส่งตัวกลับมาดำเนินคดี

 

📞 ผู้เสียหายเผย “ยังไม่รู้ชะตากรรมรถ” – บางคนเพิ่งรู้ข่าวจากโซเชียล

ผู้เสียหายรายหนึ่งเปิดเผยว่า ตนเพิ่งรู้ว่าเจ้าของอู่หนีไปต่างประเทศจากโพสต์ในเฟซบุ๊กเท่านั้น “เราพยายามติดต่อเขามาหลายรอบมาก โทรไปไม่รับ ข้อความไม่อ่าน ขับรถไปที่อู่ก็ปิดสนิท ไม่มีใครอยู่เลย ตอนเห็นข่าวว่าเขาไปลาสเวกัส รู้สึกช็อกมาก เพราะรถเรายังอยู่กับเขา”

ผู้เสียหายอีกคนหนึ่งเสริมว่า “รถผมฝากไว้ซ่อมตั้งแต่เดือนมีนาคม เขาบอกว่าจะเสร็จในสามเดือน แต่ตอนนี้ผ่านมาเกือบปี รถยังไม่ได้คืนเลย แถมพอไปดูอีกทีอู่ก็หายไป”

 

🚨 ตำรวจเร่งสอบสวน – เตรียมตรวจสอบเส้นทางการเงินและทรัพย์สิน

ล่าสุด ทาง พนักงานสอบสวน สภ.ปากคลองรังสิต อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมตรวจสอบข้อมูลทางการเงินของเจ้าของอู่ และเส้นทางการเคลื่อนย้ายรถยนต์ทั้งหมด

มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่เตรียมประสานกรมการขนส่งทางบก เพื่อตรวจสอบทะเบียนรถของผู้เสียหายว่ามีการโอนย้ายหรือสวมทะเบียนใหม่หรือไม่ รวมถึงตรวจสอบบัญชีธนาคารที่ใช้รับเงินมัดจำจากลูกค้า

นอกจากนี้ หากพบว่าเจ้าของอู่เดินทางออกนอกประเทศจริง ตำรวจอาจต้องประสานสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) และหน่วยงานต่างประเทศ เพื่อดำเนินการตามช่องทางกฎหมายต่อไป

 

🔎 วิเคราะห์คดี – กรณีนี้เข้าข่าย “ฉ้อโกง” หรือ “ยักยอกทรัพย์”?

จากมุมมองทางกฎหมาย ทนายรณณรงค์อธิบายว่า คดีลักษณะนี้อาจเข้าข่ายทั้งสองข้อหา ขึ้นอยู่กับเจตนาและพฤติการณ์ของผู้กระทำ

ฉ้อโกง: หากพิสูจน์ได้ว่ามีการหลอกลวงตั้งแต่ต้น เพื่อให้ลูกค้าหลงเชื่อแล้วนำรถมามอบหรือโอนเงินมัดจำให้

ยักยอกทรัพย์: หากเจ้าของอู่รับรถไว้โดยสุจริตในตอนแรก แต่ภายหลังนำรถไปขายหรือยักย้ายโดยไม่ได้รับอนุญาต

ทั้งสองข้อหานี้มีโทษจำคุกสูงสุดถึง 5 ปี และปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากมูลค่าความเสียหายเกิน 1 ล้านบาทขึ้นไป ศาลอาจพิจารณาเพิ่มโทษได้อีก

⚙️ เสียงเรียกร้องจากสังคม – “อยากให้เจ้าของอู่ออกมารับผิดชอบ”

ในขณะที่ผู้เสียหายจำนวนมากยังคงเฝ้ารอข่าวดี หลายเสียงในสังคมต่างเรียกร้องให้เจ้าของอู่ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง หากมีเหตุผลที่สมควร ก็ขอให้แสดงความบริสุทธิ์ใจ

บางคนให้ความคิดเห็นว่า “ถ้าหนีจริงก็เท่ากับยอมรับผิด แต่ถ้าจะกลับมารับผิดชอบก็ควรรีบติดต่อทนายหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่าปล่อยให้ผู้เสียหายต้องทุกข์ใจแบบนี้”

 

💬 เสียงจากโลกออนไลน์

ใน TikTok และ X (Twitter) หลายบัญชีได้พูดถึงกรณีนี้ โดยมีแฮชแท็ก #อู่V10Garage และ #ใหญ่คายลิ้น ติดเทรนด์ขึ้นมาในช่วงเช้า หลายคนถึงกับนำเรื่องนี้ไปเปรียบเทียบกับกรณีอู่รถชื่อดังในอดีตที่หลอกลูกค้าในลักษณะเดียวกัน

บางคนโพสต์ว่า

 “ฝากรถไว้ซ่อมแต่กลายเป็นรถหาย อะไรจะพีกขนาดนี้”

 “ตอนนี้ใครซ่อมรถที่อู่ V10 รีบไปเช็กเลยนะ ก่อนจะสายเกินไป”

 

🔔 สรุปสถานการณ์ล่าสุด

ผู้เสียหายรวม 11 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 35 ล้านบาท

อู่ V10 Garage ปิดเงียบ ไม่มีการติดต่อกลับ

มีคลิปชายหน้าคล้ายเจ้าของอู่ปรากฏตัวใน ลาสเวกัส ประเทศสหรัฐฯ

ตำรวจอยู่ระหว่างสอบสวนและตรวจสอบเส้นทางการเงิน

ทนายรณณรงค์เตรียมยื่นหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งรัดคดี

 

🧭 บทสรุป – บทเรียนราคาแพงจากความไว้ใจ

เหตุการณ์นี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของ “ช่องโหว่ในความไว้ใจ” ที่ผู้บริโภคควรระวังให้มากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อต้องมอบทรัพย์สินมีค่าจำนวนมากให้บุคคลอื่นดูแล

ในยุคที่ธุรกิจอู่รถและบริการซ่อมแต่งรถหรูเติบโตอย่างรวดเร็ว การตรวจสอบใบอนุญาต การจดทะเบียนบริษัท และประวัติผู้ประกอบการ ถือเป็นสิ่งจำเป็น เพราะเมื่อเกิดปัญหาเช่นนี้ขึ้น การตามทรัพย์สินคืนไม่ใช่เรื่องง่ายเลย