ดีใจจนต้องโพสต์! รพ.มงกุฎวัฒนะรับเงินก้อนโตจาก สปสช. มูลค่า 122.80 บาท
💸 มงกุฎวัฒนะดีใจ “ฉิพ...หาย”! ได้รับเงินจาก สปสช. รอบเดือนตุลาคมแล้ว — 122.80 บาทเต็มจำนวน!
โรงพยาบาลโพสต์ขอบคุณอย่างสุดซึ้ง “จะนำเงินจำนวนนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ป่วย”
ทั้งที่ตามข้อตกลงเดิมควรได้รับราว 23 ล้านบาท — สังคมระอุ ถกปมระบบ “บัตรทอง” กับความยั่งยืนของโรงพยาบาลเอกชนในประเทศไทย
วันที่ 28 ตุลาคม 2568 — กลายเป็นประเด็นร้อนบนโลกออนไลน์อีกครั้ง เมื่อ โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการ “Mongkutwattana Hospital-โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ” ถึงกรณีที่รอคอยกันมานาน — การชำระเงินจาก สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
สิ่งที่ทำให้โพสต์ดังกล่าวกลายเป็นไวรัลไม่ใช่เพียงเนื้อหาของมัน แต่คือ “น้ำเสียงประชดประชัน” ที่แฝงอารมณ์ขันแบบขมๆ ของโรงพยาบาล หลังจากที่รอคอยเงินค่าชดเชยทางการแพทย์มายาวนานหลายเดือน แต่เมื่อยอดเข้าจริง กลับกลายเป็นเพียง “122.80 บาท”
ใช่แล้ว หนึ่งร้อยยี่สิบสองบาทกับแปดสิบสตางค์
ทั้งที่ตามยอดจริง โรงพยาบาลระบุว่า ควรจะได้รับเงินกว่า 23 ล้านบาท
🏥 โพสต์ไวรัล “ดีใจฉิพ...หาย” ที่สะเทือนทั้งวงการสาธารณสุข
ข้อความจากเพจโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ระบุว่า
“รพ.มงกุฎวัฒนะมีความดีใจฉิพ......หาย ที่จะแจ้งให้ทุกท่านทราบว่า ทาง รพ. ได้รับเงินจาก สปสช. ในรอบเดือน ต.ค. 2568 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เป็นจำนวนมากถึง 122.80 บาท (หนึ่งร้อยยี่สิบสองบาทกับอีกแปดสิบสตางค์)
รพ.จะนำเงินจำนวนนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้ป่วยต่อไป”
ก่อนปิดท้ายด้วย “ปล.” ที่ทำให้ชาวเน็ตทั้งฮาทั้งเศร้าไปพร้อมกันว่า
“ปล. รอบนี้ถ้าจ่ายที่ตามตกลง และหัก prepaid รพ.มงกุฎวัฒนะ ควรได้ประมาณ 23 ล้านบาท
โพสต์ดังกล่าวเรียกเสียงฮือฮาและคอมเมนต์นับหมื่นภายในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง หลายคนบอกว่านี่คือ “โพสต์แห่งปี” ของวงการโรงพยาบาลเอกชน เพราะสะท้อนปัญหาเชิงระบบได้ตรงใจประชาชนอย่างเจ็บแสบ
💬 เสียงจากโลกออนไลน์: “122 บาทนี่รักษาได้แค่ไข้หวัด 1 คนยังไม่ครบวัน!”
ชาวเน็ตจำนวนมากเข้าไปแสดงความคิดเห็นอย่างคับคั่ง บางคนโพสต์แซวว่า
“ดีใจจนแทบร้องไห้ ได้ตั้ง 122 บาท!”
“ขอให้ใช้เงินอย่างรอบคอบนะคะ อย่าลืมเผื่อไว้ซื้อน้ำดื่มผู้ป่วยด้วย”
“นี่คือยอดเงินที่สะท้อนสภาพระบบสุขภาพไทยในปัจจุบันได้ชัดที่สุด”
ในขณะเดียวกันก็มีอีกหลายความเห็นที่มองว่า เรื่องนี้ไม่ควรถูกมองเพียงแค่มุกขำขัน เพราะเบื้องหลังคือความเดือดร้อนจริงของบุคลากรทางการแพทย์ และความยากลำบากของโรงพยาบาลเอกชนที่ต้องรับผู้ป่วยในระบบ “บัตรทอง”
⚖️ ย้อนปมขัดแย้ง “มงกุฎวัฒนะ vs สปสช.”
เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน แต่เป็นผลพวงจากข้อพิพาทระหว่าง โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ กับ สปสช. ที่ยืดเยื้อยาวนานหลายปี
ในเดือนตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา โรงพยาบาลได้ประกาศ “ปิดให้บริการผู้ป่วยนอกสิทธิบัตรทอง” อย่างไม่มีกำหนด โดยให้เหตุผลว่า สปสช.ค้างชำระเงินค่าบริการทางการแพทย์เป็นจำนวนมาก จนไม่สามารถดำเนินงานต่อได้
ทาง สปสช. ได้ออกมาชี้แจงภายหลังว่า การจ่ายเงินล่าช้ามีสาเหตุมาจาก “ปัญหาข้อมูลเอกสารไม่ครบถ้วน” และ “การตรวจสอบความถูกต้องของยอดเบิกจ่าย” โดยยืนยันว่า “ไม่มีการกลั่นแกล้ง” โรงพยาบาลใดเป็นพิเศษ
อย่างไรก็ตาม ทางมงกุฎวัฒนะมองว่า การอ้างเรื่องเอกสารเป็นเพียง “ข้ออ้าง” เพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายหนี้ โดยชี้ว่าโรงพยาบาลได้ส่งข้อมูลครบถ้วนตามระบบแล้วหลายครั้ง
💰 ทำไมถึงเหลือแค่ “122 บาท”?
ประเด็นที่ผู้คนสงสัยมากที่สุดคือ ทำไมโรงพยาบาลซึ่งควรได้รับราว 23 ล้านบาท ถึงได้รับเพียง 122 บาทในรอบนี้?
จากคำชี้แจงที่ไม่เป็นทางการของเจ้าหน้าที่บางส่วน ระบุว่า สปสช.ได้หักยอด Prepaid หรือเงินจ่ายล่วงหน้าที่เคยโอนให้ไปก่อนหน้า เพื่อชดเชยยอดเบิกที่ยังอยู่ในขั้นตอนตรวจสอบ เมื่อหักลบกันแล้วจึงเหลือยอดที่จ่ายจริงเพียง “122.80 บาท”
แม้จะเป็นไปตามขั้นตอนทางบัญชี แต่ในมุมมองของโรงพยาบาล การ “หักยอดแบบเหมารวม” โดยไม่แจ้งรายละเอียดล่วงหน้า ถือเป็นการจัดการที่ไม่โปร่งใส และกระทบต่อความเชื่อมั่นอย่างรุนแรง
🧾 เงิน 122 บาท กับต้นทุนการรักษาที่สูงขึ้นทุกปี
หลายคนอาจไม่รู้ว่า “ค่าชดเชยจาก สปสช.” สำหรับผู้ป่วยในระบบบัตรทอง มีอัตราที่ค่อนข้างตายตัว ซึ่งในบางโรค โรงพยาบาลเอกชนมักต้อง “อุดหนุน” เพิ่มเอง
เช่น ค่ารักษาผู้ป่วยฉุกเฉิน, ค่าตรวจทางห้องแล็บ, ค่ายาเฉพาะทาง — ทั้งหมดนี้มักมีต้นทุนสูงกว่าเงินที่ สปสช. จ่ายให้ต่อหัวผู้ป่วย
การค้างชำระหรือจ่ายล่าช้าเพียงไม่กี่เดือน อาจทำให้กระแสเงินสดของโรงพยาบาลเอกชนขนาดกลางสะดุดได้ทันที เพราะต้องรับภาระค่าใช้จ่ายบุคลากรและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่สูง
ดังนั้น เงิน 122.80 บาท จึงไม่ได้เป็นแค่ตัวเลขตลกๆ แต่เป็น “สัญลักษณ์ของความบิดเบี้ยวเชิงโครงสร้าง” ในระบบสาธารณสุขไทย
🏛️ สปสช. ชี้แจง “ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน”
หลังโพสต์ของโรงพยาบาลถูกแชร์กระจายไปทั่วประเทศ ทางโฆษก สปสช. ได้ออกมาชี้แจงกับสื่อมวลชนว่า
“การจ่ายเงินทุกครั้งเป็นไปตามหลักเกณฑ์และการตรวจสอบข้อมูลจริง เราไม่ได้เลือกปฏิบัติหรือกลั่นแกล้งโรงพยาบาลใด ทุกบาททุกสตางค์ต้องผ่านการตรวจสอบความถูกต้องก่อนเบิกจ่าย เพื่อความโปร่งใสและป้องกันการใช้เงินไม่ตรงวัตถุประสงค์”
พร้อมระบุว่า หากโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะเห็นว่ามีข้อผิดพลาดในการคำนวณยอด สามารถยื่นอุทธรณ์หรือชี้แจงเอกสารเพิ่มเติมได้ตามช่องทางปกติ
🤝 ประชาชนอยู่ตรงกลาง
สำหรับผู้ป่วยสิทธิบัตรทองที่เคยเข้ารับบริการที่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ต้องย้ายไปใช้บริการในโรงพยาบาลอื่นที่อยู่ในเครือข่าย สปสช. ซึ่งหลายคนยอมรับว่ามีความไม่สะดวก โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ต้องติดตามอาการต่อเนื่อง
มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งเขียนไว้ว่า
“เรารักษาที่นี่มานาน หมอกับพยาบาลดูแลดีมาก พอปิดบัตรทองก็ไม่รู้จะไปไหน เพราะโรงพยาบาลอื่นคิวยาวมาก อยากให้ทั้งสองฝ่ายคุยกันให้จบ เพื่อประโยชน์ของคนไข้เถอะ”
💡 มุมมองผู้เชี่ยวชาญ: “นี่ไม่ใช่แค่เรื่อง 122 บาท แต่คือความล้มเหลวของระบบจัดสรรงบสุขภาพ”
นักเศรษฐศาสตร์ด้านสาธารณสุขหลายรายออกมาแสดงความเห็นว่า กรณีนี้สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างของระบบ “หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า” ที่ไม่ได้รับการปรับปรุงให้สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริงของการรักษาในภาคเอกชน
ดร.ปิยะธิดา ศรีสุข นักวิชาการด้านนโยบายสาธารณสุข ให้ความเห็นว่า
“ระบบบัตรทองเป็นสิ่งที่ดีในเชิงอุดมการณ์ เพราะทำให้คนไทยเข้าถึงการรักษาโดยไม่ต้องกลัวค่าใช้จ่าย แต่ปัญหาคือ งบประมาณต่อหัวไม่ได้เพิ่มตามความเป็นจริงของต้นทุน ทำให้เอกชนจำนวนมากเริ่มถอยออกจากระบบ”
เธอระบุว่า กรณีมงกุฎวัฒนะเป็นเพียง “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” ของปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกหลายแห่งในอนาคต
🌐 โซเชียลจี้รัฐ “อย่ามองเป็นเรื่องขำขัน”
หลังข่าวแพร่กระจาย ชาวเน็ตจำนวนมากเรียกร้องให้กระทรวงสาธารณสุข และรัฐบาลใหม่เข้ามาตรวจสอบกระบวนการจัดสรรงบของ สปสช. บางคนถึงขั้นติดแฮชแท็ก #122บาทแห่งชาติ เพื่อประชดระบบที่ “ไม่เห็นหัวคนทำงานด่านหน้า”
มีคอมเมนต์หนึ่งที่ได้รับยอดไลก์สูงสุดระบุว่า
“122 บาทนี่ไม่ใช่เรื่องตลก มันคือหยาดเหงื่อของหมอและพยาบาลหลายร้อยชีวิตที่ยังต้องยืนอยู่ในด่านหน้าเพื่อดูแลคนไข้บัตรทอง เราควรโฟกัสที่คนทำงาน ไม่ใช่โยนภาระไปมา”
📊 สรุปภาพรวม: สะท้อนช่องว่าง “รัฐ–เอกชน” ที่ยังไม่ลงรอย
เหตุการณ์ครั้งนี้กลายเป็นบทเรียนสำคัญอีกครั้งหนึ่งของวงการสาธารณสุขไทย เพราะแม้เป้าหมายของ สปสช. และโรงพยาบาลเอกชนจะเหมือนกัน — คือ “ดูแลสุขภาพประชาชน” — แต่ในทางปฏิบัติกลับเต็มไปด้วยความซับซ้อนทางระบบงบประมาณ การตรวจสอบ และเงื่อนไขทางกฎหมาย
เมื่อไม่มีใครยอมถอย ประชาชนจึงเป็นฝ่ายที่ต้อง “รับกรรม” ไปเต็มๆ
❤️ ปิดท้ายด้วยอารมณ์ขัน (แต่ปนเศร้า): “เงิน 122 บาทนี้ จะไม่สูญเปล่า”
แม้โพสต์ของโรงพยาบาลจะเต็มไปด้วยอารมณ์ประชด แต่ก็จบลงด้วยประโยคที่หลายคนมองว่า “งดงาม”
“รพ.จะนำเงินจำนวนนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้ป่วยต่อไป”
ประโยคนี้ถูกแชร์ซ้ำหลายหมื่นครั้ง และถูกนำไปดัดแปลงเป็นมีม ข้อความตลก และคำเสียดสีทางการเมืองจำนวนมาก
แต่ในขณะเดียวกัน มันก็เตือนให้คนไทยหันกลับมามองว่า เบื้องหลังมุกขำขมนี้ คือความจริงที่ไม่ตลกเลย — ว่าระบบสุขภาพของเรายังต้องการ “การรักษา” เช่นกัน
🧭 สรุปใจความสำคัญ
โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะเผยได้รับเงินจาก สปสช. เดือนตุลาคม 68 จำนวน 122.80 บาท จากยอดที่ควรได้ 23 ล้านบาท
โพสต์ประชดกลายเป็นไวรัลทั่วโซเชียล
ปัญหานี้สะท้อนช่องว่างระหว่างระบบงบประมาณของรัฐกับต้นทุนจริงของโรงพยาบาลเอกชน
ผู้ป่วยสิทธิบัตรทองจำนวนมากได้รับผลกระทบจากการปิดให้บริการ
สังคมเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาจัดการแก้ไขเชิงโครงสร้างอย่างเร่งด่วน
“122 บาทอาจไม่มากสำหรับรัฐ แต่สำหรับโรงพยาบาล มันคือสัญลักษณ์ของการต่อสู้กับระบบที่ไม่ยุติธรรม”
เมื่อเกาะฟูก๊วก กลายเป็น“กำแพงธรรมชาติ” กั้นทางออกสู่ทะเลของประเทศกัมพูชา
ราชกิจจาฯ เผยแพร่ คำสั่งศาลให้ นักแสดงรุ่นใหญ่ “มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช” ผู้จัดดัง เป็นคนไร้ความสามารถ
ทึ่งทั่วโลก : ตำหนักไท่เหอเตี้ยน จุดที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินีทรงถ่ายพระบรมฉายาลักษณ์
พาส่องธุรกิจ ของคุณนานา ไรบีนา ที่หลายคนยังไม่เคยรู้
ทำไมเราถึงเรียกเมนูเนื้อย่างแบบหนึ่งว่า "เสือร้องไห้" ทั้งๆ ที่เมนูนี้ทำมาจากเนื้อวัว
นิสัยการกินแบบนี้แสดงว่าเริ่มแก่ สัญญาณการกิน ที่บอกว่า “เริ่มแก่
รวมภาพตลกขำขันประจำวันนี้ วันที่อากาศเย็นๆ ลมแรงๆ แต่แดดก็เปรี้ยง ทำตัวไม่ถูกเลย ว่าจะออกไปเดินหลั่นล๊าดีไหม หรือหลบอยู่ในบ้านดี
ชายชาวเท็กซัส 2 คน ถูกจับหลัง วางแผนบุกยึดเกาะ เพื่อฆ่าข่มขืนคนทั้งเกาะ
เด็ก 15 ถูกเพื่อนร่วมงานรุมแกล้ง สอดสายยางเข้ารูก้น แล้วอัดลมเข้าจนตาย
ทำไม่คนขับรถบัสต้องถอยหลังขึ้นเนินสุดโหดถั่มมา'แทนที่จะขับไปข้างหน้ารู้เหตุผลยิ่งชื่นชมโชเฟอร์สุดยอดมากๆ
ไฟไหม้ระทึก!รถพ่วงเทรลเลอร์ 18 ล้อ ยางระเบิดบึ้มไฟลุกไหม้หวิดวอดทั้งคัน
