ดิสนีย์เตรียมสร้างตำนานใหม่? “ลิซ่า BLACKPINK” ขึ้นแท่นว่าที่ “ราพันเซล” คนต่อไป!

ลิซ่า BLACKPINK ลุ้นบท “ราพันเซล” ฉบับคนแสดง! แฟนทั่วโลกจับตา — Disney จะกล้าเปลี่ยนภาพจำเจ้าหญิงผมทองหรือไม่?

เรียกได้ว่าเป็นกระแสที่สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับทั้งวงการบันเทิงเกาหลี ฮอลลีวูด และแฟนคลับทั่วโลก หลังจากมีรายงานจากวงในฮอลลีวูดว่า “ลิซ่า อลิษา มโนบาล” หรือ ลิซ่า BLACKPINK ศิลปินสาวชาวไทยระดับโลก อาจกำลังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาเพื่อรับบทนำในภาพยนตร์ “Tangled” ฉบับคนแสดง (Live-Action Rapunzel) ของค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง Disney ซึ่งถือเป็นหนึ่งในโปรเจกต์ที่แฟน ๆ รอคอยมากที่สุดแห่งทศวรรษ

ข่าวนี้จุดกระแสความตื่นเต้นขึ้นทันทีบนโลกโซเชียล เมื่อมีชื่อของลิซ่าปรากฏเคียงข้างกับนักแสดงหญิงชาวตะวันตกชื่อดังอย่าง ซิดนีย์ สวีนนีย์ (Sydney Sweeney), เอมี่ ลู วูด (Aimee Lou Wood), ซาราห์ แคเธอรีน ฮุก (Sarah Catherine Hook) และ ชาร์ลอตต์ เลอบอน (Charlotte Le Bon) ซึ่งต่างถูกคาดหมายว่าอยู่ในลิสต์ตัวเต็งของบท เจ้าหญิงราพันเซล

แหล่งข่าววงในอ้างว่า “การเจรจากับลิซ่า” มีความคืบหน้าอย่างจริงจัง และ Disney เองก็ให้ความสนใจในศักยภาพระดับนานาชาติของเธอ หลังจากสร้างชื่อเสียงโด่งดังในฐานะหนึ่งในสมาชิกของ BLACKPINK วงเกิร์ลกรุ๊ปที่มีอิทธิพลระดับโลก และยังมีผลงานเดี่ยวที่ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล เช่น เพลง “LALISA” และ “MONEY” ซึ่งมียอดวิวทะลุพันล้านครั้งบน YouTube

🔹 “ลิซ่า” จากนักร้อง K-Pop สู่เส้นทางฮอลลีวูด?

ข่าวลือเรื่องการแสดงของลิซ่าไม่ได้เกิดขึ้นแบบไร้ที่มา เพราะเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา สื่อระดับโลกหลายสำนักรายงานตรงกันว่า ลิซ่าได้เซ็นสัญญากับเอเจนซี่ระดับท็อปของสหรัฐฯ อย่าง WME (William Morris Endeavor) ซึ่งดูแลศิลปินชื่อดังอย่าง Beyoncé, Dwayne Johnson, Matt Damon, และ Ben Affleck

การเซ็นสัญญาครั้งนั้นถูกมองว่าเป็นสัญญาณสำคัญของ “การเริ่มต้นเส้นทางในฮอลลีวูด” ของลิซ่า หลังจากก่อนหน้านี้เธอเคยแสดงในมิวสิกวิดีโอและโปรเจกต์โฆษณาแฟชั่นระดับโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น BVLGARI, CELINE, MAC Cosmetics, รวมถึงการปรากฏตัวในซีรีส์ “The White Lotus” ซีซั่น 3 ที่กำลังถ่ายทำอยู่

ดังนั้น เมื่อมีข่าวว่าเธอถูกทาบทามให้รับบท “ราพันเซล” จึงไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย — เพราะ Disney กำลังมองหาภาพลักษณ์ใหม่ของเจ้าหญิงยุคใหม่ ที่สะท้อนถึง “ความหลากหลายทางวัฒนธรรม” และ “ความสามารถที่ไร้พรมแดน”

🔹 “เจ้าหญิงผมทอง” จะกลายเป็น “เจ้าหญิงผมดำจากเอเชีย” ได้หรือไม่?

แม้จะเป็นข่าวดีสำหรับแฟนคลับ แต่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงเสียงวิพากษ์จากบางกลุ่ม โดยเฉพาะแฟนอนิเมชันรุ่นเก่าที่ผูกพันกับภาพของ “ราพันเซล” ในแบบต้นฉบับจากนิทานของ พี่น้องกริมม์ (Brothers Grimm) และภาพยนตร์อนิเมชันชื่อดัง Tangled (2010) ที่สร้างชื่อให้กับ Disney ด้วยภาพจำของหญิงสาวผมยาวสีทอง ดวงตาสีฟ้า ผิวขาว และรอยยิ้มสดใส

นักวิจารณ์บางรายจึงตั้งคำถามว่า การคัดเลือก “ลิซ่า” ซึ่งเป็นศิลปินชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะ “ทำลายภาพจำของเจ้าหญิงราพันเซล” หรือไม่ เพราะลักษณะทางกายภาพของเธอแตกต่างจากตัวละครต้นฉบับอย่างชัดเจน

แต่ในอีกด้านหนึ่ง กระแสโซเชียลกลับตอบรับอย่างล้นหลาม โดยแฟนคลับจำนวนมากทั่วโลกออกมาปกป้องลิซ่า พร้อมแสดงความคิดเห็นในเชิงบวกว่า “ตัวละครแอนิเมชันไม่จำเป็นต้องยึดติดกับเชื้อชาติในชีวิตจริง” เพราะโลกของนิทานคือโลกแห่งจินตนาการ ซึ่งสามารถเปิดกว้างให้คนจากทุกวัฒนธรรมเข้ามาเติมเต็มความหมายใหม่ได้

หนึ่งในคอมเมนต์ที่ถูกแชร์มากที่สุดบน X (Twitter) ระบุว่า:

 “ดิสนีย์เคยสอนเราว่าความฝันไม่จำกัดเชื้อชาติ แต่พอมีคนจากเอเชียจะเป็นเจ้าหญิงจริง ๆ กลับมีคนบอกว่าไม่เหมาะ — ความฝันของเด็กผู้หญิงทุกคนควรถูกยอมรับเท่าเทียมกัน”

🔹 เสียงจากนักวิจารณ์: “ดิสนีย์กำลังเดินบนเส้นบางระหว่างความหลากหลายและความดั้งเดิม”

ในมุมของนักวิเคราะห์ภาพยนตร์ ฮอลลีวูดกำลังอยู่ในยุคที่พยายามปรับตัวให้ทันต่อสังคมโลกที่เปิดกว้างมากขึ้น แต่ก็ต้องเผชิญแรงกดดันจากแฟนคลับดั้งเดิมที่ยึดถือความเป็นต้นฉบับ ตัวอย่างชัดเจนคือกรณีของ The Little Mermaid (2023) ที่เปลี่ยนตัวละคร “แอเรียล” ให้กลายเป็นหญิงสาวผิวสี ซึ่งแม้จะได้รับคำชมเรื่องการร้องและการตีความใหม่ แต่กลับถูกโจมตีในโลกออนไลน์อย่างรุนแรง และรายได้ไม่เป็นไปตามคาด

เช่นเดียวกับโปรเจกต์ “Snow White” ที่เคยสร้างเสียงวิจารณ์เพราะการคัดเลือกนักแสดงเชื้อสายลาตินมารับบทเจ้าหญิงผิวขาว ทั้งสองกรณีนี้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายของ Disney ที่ต้องสร้างสมดุลระหว่าง “ความถูกต้องทางวัฒนธรรม” และ “ความหลากหลาย”

หากลิซ่าได้รับบท “ราพันเซล” จริง นี่อาจกลายเป็นการพลิกภาพจำครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Disney Princess เพราะจะเป็นครั้งแรกที่เจ้าหญิงยุโรปจากนิทานเยอรมันถูกนำแสดงโดยศิลปินหญิงจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ — และยังเป็นชาวไทยอีกด้วย

🔹 “ลิซ่า” กับเสน่ห์ระดับโลกที่อาจเป็นคำตอบของดิสนีย์

สิ่งหนึ่งที่หลายคนเห็นตรงกันคือ ลิซ่ามีองค์ประกอบครบทุกด้านที่ทำให้เธอเหมาะกับการเป็นเจ้าหญิงในยุคใหม่ — ความสง่างาม ความมั่นใจ ทักษะการสื่อสาร และฐานแฟนคลับระดับโลก

ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังได้รับการยกย่องว่าเป็น “ศิลปินหญิงเอเชียที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก” จากนิตยสาร Forbes Asia และถูกจัดอันดับโดย Time Magazine ว่าเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีอิทธิพลระดับโลกในหมวด “Leaders” ซึ่งทำให้ชื่อของเธอกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งยุโรปและอเมริกา

ในแง่ของบุคลิก ลิซ่ามีความเป็นธรรมชาติ สดใส และขี้เล่น — ซึ่งสอดคล้องกับคาแรกเตอร์ของราพันเซลที่มีความกล้าแสดงออก มีความฝัน และไม่ยอมจำกัดตัวเองอยู่ในหอคอยแห่งความกลัว

แฟนคลับจำนวนมากจึงเชื่อว่า หากลิซ่าได้รับบทนี้จริง เธอจะสามารถตีความ “ราพันเซล” ในมุมใหม่ได้อย่างลึกซึ้งและร่วมสมัย — จากเจ้าหญิงในหอคอย กลายเป็นหญิงสาวที่ใช้เสียงของตัวเองเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงทั่วโลก

 

🔹 โลกออนไลน์ลุกเป็นไฟ: #LisaAsRapunzel ติดเทรนด์อันดับ 1 ทั่วโลก

ทันทีที่ข่าวนี้ถูกเผยแพร่บน X (Twitter) แฮชแท็ก #LisaAsRapunzel และ #RapunzelLiveAction ก็พุ่งขึ้นเทรนด์อันดับ 1 ในหลายประเทศ รวมถึงไทย เกาหลีใต้ สหรัฐฯ อังกฤษ และฟิลิปปินส์

แฟนคลับจากทั่วโลกต่างร่วมกันสร้างภาพแฟนอาร์ตของลิซ่าในลุคราพันเซล ทั้งเวอร์ชันผมทองและผมดำ รวมถึงเวอร์ชันสวมชุดเจ้าหญิงที่มีดีเทลแบบไทยผสมตะวันตก ซึ่งกลายเป็นไวรัลในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง

ผู้ใช้รายหนึ่งเขียนว่า

 “ถ้าลิซ่าได้เป็นราพันเซลจริง ๆ นี่จะเป็นครั้งแรกที่เด็กผู้หญิงจากเอเชียจะเห็นเจ้าหญิงที่พูดภาษาเดียวกับพวกเธอ — มันยิ่งใหญ่กว่าคำว่าความฝัน”

อีกคนกล่าวว่า

 “ดิสนีย์ควรกล้าเปิดใจให้กับความหลากหลาย ราพันเซลไม่จำเป็นต้องผมทองเสมอไป เพราะสิ่งที่ทำให้เธอเป็นเจ้าหญิงไม่ใช่สีผม แต่คือหัวใจและความกล้า”

🔹 ความเห็นของนักวิเคราะห์: “นี่คือโอกาสทองของ Disney ในการรีแบรนด์”

สำนักข่าว Variety และ Deadline วิเคราะห์ตรงกันว่า หาก Disney คัดเลือกลิซ่าจริง นี่จะเป็น “หมากทางการตลาดที่เฉียบคม” เพราะสามารถขยายฐานแฟนคลับของ Disney เข้าสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีมูลค่าตลาดผู้บริโภคด้านบันเทิงสูงติดอันดับต้น ๆ ของโลก

“การมีลิซ่าในฐานะเจ้าหญิงดิสนีย์ จะทำให้แบรนด์เข้าถึงกลุ่มผู้ชมใหม่ ๆ โดยเฉพาะในตลาดเอเชีย ซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว” — บทวิเคราะห์จาก Variety ระบุ

นอกจากนี้ สื่อยังมองว่า ลิซ่าอาจเป็น “ใบเบิกทาง” ให้ศิลปินเอเชียคนอื่น ๆ ได้รับโอกาสเข้าสู่วงการภาพยนตร์ฮอลลีวูดมากขึ้น เพราะเธอเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความสำเร็จที่เกิดจากความพยายามและความสามารถล้วน ๆ

🔹 ตัวร้ายคนใหม่อาจได้ “สการ์เล็ตต์ โจแฮนส์สัน” ร่วมแสดง

อีกหนึ่งประเด็นที่แฟน ๆ ให้ความสนใจคือ การคัดเลือกตัวละคร แม่โกเธล (Mother Gothel) วายร้ายที่ลักพาตัวราพันเซลไปเลี้ยงในหอคอย โดยรายงานจาก Style Caster เผยว่า นักแสดงสาวระดับฮอลลีวูดอย่าง สการ์เล็ตต์ โจแฮนส์สัน (Scarlett Johansson) อยู่ในรายชื่อผู้ที่ Disney กำลังพิจารณาให้รับบทนี้

หากการจับคู่ระหว่าง ลิซ่า – สการ์เล็ตต์ เกิดขึ้นจริง ภาพยนตร์ “Tangled Live Action” จะกลายเป็นโปรเจกต์ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดแห่งปี เพราะเป็นการรวมตัวของสองหญิงแกร่งจากคนละซีกโลกในบทที่ต้องต่อสู้ทั้งทางอารมณ์และอุดมการณ์

🔹 บทสรุป: จากเด็กสาวบุรีรัมย์สู่ “เจ้าหญิงดิสนีย์”?

เรื่องราวของลิซ่าคือแรงบันดาลใจที่ทรงพลังในยุคสมัยนี้ — เด็กสาวจากจังหวัดเล็ก ๆ ในภาคอีสานของประเทศไทย ที่ฝันอยากเป็นศิลปิน ตั้งใจฝึกฝนจนได้เป็นหนึ่งในสมาชิกวง K-Pop ที่โด่งดังที่สุดในโลก และในวันนี้ เธอกำลังถูกพูดถึงในฐานะ “ตัวเต็งเจ้าหญิงดิสนีย์คนใหม่”

ไม่ว่าผลการคัดเลือกจะออกมาเป็นอย่างไร แต่เพียงแค่ชื่อของ “ลิซ่า มโนบาล” ถูกพูดถึงในบริบทนี้ ก็ถือเป็นชัยชนะครั้งสำคัญของศิลปินไทย และเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า “ความฝันไม่มีพรมแดนจริง ๆ”

“จากเด็กหญิงที่รักการเต้นในบุรีรัมย์ สู่นักร้องระดับโลก และอาจกลายเป็นเจ้าหญิงดิสนีย์คนต่อไป — นี่ไม่ใช่นิทาน แต่มันคือเรื่องจริงของผู้หญิงชื่อ ลิซ่า”

 

🪞 บทสรุปสุดท้าย:

ไม่ว่าจะเป็น “ราพันเซลผมทอง” หรือ “ราพันเซลผมดำ” สิ่งสำคัญที่สุดคือ “แสงในใจของเธอ” — และลิซ่าได้พิสูจน์ให้โลกเห็นแล้วว่า เธอคือแสงสว่างที่ไม่ต้องการหอคอยใด ๆ มาขังเอาไว้