กันจอมพลัง ถอนตัว! มูลนิธิธรรม นัส เปลี่ยนผู้รับทรัพย์สินเป็นราชประชานุเคราะห์
⚖️ ดราม่ามูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้! ปมข้อ 39 และความสัมพันธ์ “กัน จอมพลัง – ธรรมนัส”
เกิดประเด็นร้อนในสังคม เมื่อกรณี มูลนิธิกัน จอมพลังช่วยสู้ ซึ่งจดทะเบียนเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 ถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับ ข้อบังคับข้อ 39 หมวดการเลิกมูลนิธิ ที่ระบุว่า หากมูลนิธิต้องเลิกล้มทรัพย์สินทั้งหมดที่เหลืออยู่ จะตกเป็นกรรมสิทธิ์แก่ มูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า ทำให้หลายคนสงสัยถึง ความสัมพันธ์ระหว่างนายกัณฐ์ศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง กับ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี
ก่อนหน้านี้ ส.ส. ไอซ์ รัก ชนก ได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอย่างกว้างขวาง
📜 ข้อ 39 และคำอธิบายของกัน จอมพลัง
หลังถูกตั้งคำถาม กัน จอมพลัง ได้ออกมา ชี้แจงข้อเท็จจริง ผ่านสื่อและโซเชียลมีเดียส่วนตัว โดยยอมรับว่า ข้อบังคับข้อ 39 ดังกล่าวมีอยู่จริง
กัน อธิบายว่า ในช่วงเริ่มต้นของการจัดตั้งมูลนิธิ ตนได้ขอคำแนะนำจาก ร้อยเอก ธรรมนัส เนื่องจากขั้นตอนการจดทะเบียนกำหนดให้ต้องระบุชื่อ มูลนิธิอื่นที่จะรับทรัพย์สินต่อหากมูลนิธิถูกยุบเลิก
“ผมไม่ได้มีเจตนาจะยุบเลิกมูลนิธิแต่อย่างใด แค่ใส่ชื่อมูลนิธิของร้อยเอก ธรรมนัสไปตามคำแนะนำ เพื่อให้เอกสารถูกต้องตามขั้นตอนเท่านั้น”
ปัจจุบัน กัน จอมพลังได้สั่งการให้ แก้ไขข้อบังคับ โดยเปลี่ยนชื่อผู้รับทรัพย์สินหากมูลนิธิเลิกกิจการ เป็น มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ แทน “มูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า”
🏛️ ความสัมพันธ์ระหว่างกัน จอมพลัง – ร้อยเอก ธรรมนัส
กรณีนี้สร้างความสงสัยในสังคมเกี่ยวกับ ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ก่อตั้งมูลนิธิและนักการเมืองระดับสูง หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า การที่ชื่อมูลนิธิของร้อยเอก ธรรมนัสถูกระบุในข้อบังคับ อาจสะท้อนถึงความใกล้ชิดหรือมีอิทธิพลทางการเมือง
กัน จอมพลัง ชี้แจงว่า ความสัมพันธ์ดังกล่าว เกิดขึ้นในฐานะคำปรึกษาเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาลับหรือแอบแฝงในการโยกย้ายทรัพย์สิน
“ตอนเริ่มต้นก่อตั้งมูลนิธิ ผมขอคำแนะนำจากร้อยเอก ธรรมนัส เพื่อให้ขั้นตอนถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น ไม่ได้มีการวางแผนให้มูลนิธิถูกยุบหรือโยกเงิน”
💰 การบริหารมูลนิธิและข้อสงสัยของสังคม
อีกหนึ่งประเด็นที่ถูกตั้งคำถามคือ ทำไมชื่อ “กัน จอมพลัง” ไม่ปรากฏเป็นประธานหรือคณะกรรมการในมูลนิธิ
กัน จอมพลัง อธิบายว่า ระบบบริหารแบบนี้เป็นเรื่องปกติของมูลนิธิหลายแห่งในระดับประเทศ
“ถ้าการทำความดีมันยากขนาดนี้ ต่อไปใครจะกล้าทำความดี?”
เขายังชี้แจงว่า จุดประสงค์ของการตั้งมูลนิธิ คือการช่วยเหลือประชาชน หากวันใดวันหนึ่งตนไม่อยู่ มูลนิธิก็ยังสามารถทำงานช่วยเหลือได้โดยไม่ติดปัญหาเรื่องตัวบุคคล
นี่คือ หลักการบริหารมูลนิธิในระยะยาว ที่หลายองค์กรใหญ่ใช้ เพื่อให้การทำงานไม่ขึ้นอยู่กับบุคคลคนเดียว
📈 การแก้ไขข้อบังคับและความโปร่งใส
หลังจากเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ กัน จอมพลัง ได้ทำการ แก้ไขข้อบังคับข้อ 39 โดยเปลี่ยนชื่อผู้รับทรัพย์สินเป็น มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ เพื่อสร้างความโปร่งใสและลดข้อสงสัย
ปัจจุบันมูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ ยังคงดำเนินงานช่วยเหลือประชาชนตามปกติ และยังไม่มีเงินหรือทรัพย์สินใดโอนออกไปยังมูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า
“ตอนนี้มูลนิธิยังทำงานอยู่ ไม่มีการยุบ ไม่มีการโอนเงินไปที่มูลนิธิอื่น ๆ ผมอยากให้ประชาชนเห็นว่าเราโปร่งใสและทำงานจริง”
🔍 ประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม
สังคมตั้งคำถามหลายด้านเกี่ยวกับกรณีนี้
1. ความโปร่งใสของมูลนิธิ – ทำไมต้องระบุชื่อมูลนิธิอื่นในข้อบังคับ
2. ความสัมพันธ์กับนักการเมือง – การขอคำแนะนำจากร้อยเอก ธรรมนัส ถูกมองว่าอาจเป็นการโยงใยทางการเมือง
3. ระบบบริหารมูลนิธิ – หลายคนไม่เข้าใจว่าการไม่ระบุชื่อผู้ก่อตั้งในตำแหน่งประธานเป็นเรื่องปกติ
นักวิชาการด้านการบริหารองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรชี้ว่า การกำหนดผู้รับทรัพย์สินกรณีมูลนิธิยุบ เป็นเรื่อง เชิงเทคนิคทางกฎหมายและการบริหารระยะยาว เพื่อให้การทำงานของมูลนิธิ ไม่ติดขัดหากผู้ก่อตั้งไม่อยู่
🧩 บทเรียนสำคัญจากกรณีนี้
เหตุการณ์นี้สอนให้เราเห็นหลายบทเรียนสำหรับสังคมและผู้ที่สนใจตั้งมูลนิธิ
การทำงานต้องโปร่งใส – ข้อบังคับทุกข้อควรชัดเจน และแก้ไขให้ทันต่อสถานการณ์
การบริหารระยะยาวสำคัญ – มูลนิธิต้องสามารถทำงานต่อเนื่อง แม้ผู้ก่อตั้งไม่อยู่
การให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการเมืองต้องชัดเจน – การขอคำปรึกษาจากผู้ทรงอิทธิพลไม่ควรสร้างข้อสงสัย
การสื่อสารกับสังคม – การชี้แจงและเผยแพร่ข้อมูลช่วยลดความเข้าใจผิดและสร้างความเชื่อมั่น
🌐 ผลกระทบต่อภาพลักษณ์มูลนิธิ
กรณีข้อ 39 สร้างเสียงวิพากษ์ในสังคม ทำให้เกิดคำถามว่า การทำความดีในสังคมยุคนี้ยากขึ้นหรือไม่
กัน จอมพลัง กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า
“ถ้าการทำความดีมันยากขนาดนี้ ต่อไปใครจะกล้าทำความดี?”
เขายังยืนยันว่า การแก้ไขข้อบังคับและการเปิดเผยข้อมูลเป็นส่วนหนึ่งของ การสร้างความโปร่งใส และยังคงดำเนินกิจกรรมช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง
📢 สรุป
กรณีมูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้กับข้อบังคับข้อ 39 แสดงให้เห็นถึง
ความสำคัญของ การบริหารมูลนิธิแบบโปร่งใส
ความจำเป็นของ การสื่อสารกับสังคม
บทบาทของ กฎหมายและขั้นตอนการจดทะเบียน ในการป้องกันความเข้าใจผิด
แม้ว่าจะมีการตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางการเมือง แต่ข้อมูลจากผู้ก่อตั้งและการแก้ไขข้อบังคับชี้ว่า มูลนิธิยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง โปร่งใส และเพื่อประโยชน์สาธารณะ
เจาะสถิติสลากกินแบ่งรัฐบาล ย้อนหลัง 10 ปี (งวด 2 มกราคม)
วิมานบนดินที่ไร้เงาเจ้าของ เจาะปมคฤหาสน์ลอยฟ้า 658 ล้านที่กลายเป็นเพียงอนุสรณ์แห่งความล้มเหลว
BBC ยกให้ "กรุงพนมเปญ" ติด TOP20..ปลายทางที่ดีที่สุดในโลก
อาเซียนเนื้อหอม! เจาะเหตุผลทำไม บังกลาเทศ-ปาปัวนิวกินี-ฟิจิ อยากเข้าใกล้ครอบครัวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สอยอีกหนึ่ง นายพลเขมรร่วง อีกราย
กัมพูชา ส่งจดหมายถึงทั่วโลก ลั่นไม่ได้อ่อนแอ แต่ถูกไทยบีบให้จนมุม
10 สิ่งต้องห้ามในรถยนต์ ที่อาจทำเงินรั่วและดึงดูดอุบัติเหตุ สายมูต้องห้ามพลาด
ไทยซื้อระบบป้องกันทางอากาศใหม่ !
วง FÜLÜ เตรียมยกวง มาโชว์ดนตรีที่เขมร
APC M113 รถเกราะ 60 ปี ลุยสมรภูมิช่องอานม้า เสริม "เกราะไม้" กันจรวดสุดแกร่ง
กินตามใจปาก เสี่ยงสารพัดโรค
เจ้าของห้องเช่าในไทยช็อก!! หลังผู้เช่าทิ้งห้องไว้ในสภาพสกปรก
BBC ยกให้ "กรุงพนมเปญ" ติด TOP20..ปลายทางที่ดีที่สุดในโลก
10 สิ่งต้องห้ามในรถยนต์ ที่อาจทำเงินรั่วและดึงดูดอุบัติเหตุ สายมูต้องห้ามพลาด
วง FÜLÜ เตรียมยกวง มาโชว์ดนตรีที่เขมร
ทรัมป์ กล่าวหา ไทย เริ่มสงครามกับกัมพูชาก่อน
เคลียร์ชัด! ร้านแจงดราม่าสุนัขนั่งร่วมโต๊ะบุฟเฟต์
เที่ยวธรรมชาติ เดินทางเรียบง่าย ใช้ชีวิตติดดิน แต่ค่าครองชีพระดับโตเกียว





