แม่บ้านเล่าฉากสลด! อดีตนักยิงปืนทีมชาติไทยสังหารยกครัว 3 ศพในบ้าน พ.ต.อ.
สลดยกครัว 3 ศพ บนถนนสุทธาวาส ตร.เร่งสอบปม หลังพบแม่บ้านเป็นผู้พบศพคนแรก
วันที่ 21 ตุลาคม 2568 เกิดเหตุการณ์สะเทือนใจในเขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร หลังจากตำรวจ สน.บางกอกน้อยได้รับแจ้งเหตุ ยิงกันเสียชีวิตในบ้านพักย่านถนนสุทธาวาส บ้านหลังเกิดเหตุเป็นบ้าน 4 ชั้น ซึ่งตั้งอยู่ในซอยเงียบสงบ โดยภายนอกบ้านมี ป้ายหน้าบ้านติดชื่อยศพันตำรวจเอก ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นชื่อของพ่อผู้ก่อเหตุ
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึง พบว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นภายในบ้านชั้น 3 ซึ่งเป็นห้องนอน พบ ผู้เสียชีวิตทั้งหมด 3 ราย ประกอบด้วย
นายกนณธร สุชาค่า อายุ 39 ปี
นางสิริลักษณ์ มัณฑนาจารุ อายุ 42 ปี ภรรยา
ด.ญ.กัญญกร สุชาค่า ลูกสาว อายุ 9 ปี
ทั้งสามนอนจมกองเลือด ข้างกันพบ อาวุธปืนไม่ทราบขนาดและชนิดตกอยู่ ซึ่งสภาพศพแสดงให้เห็นว่าผู้เสียชีวิตทั้งหมดถูกยิงภายในห้องนอน
🔹 ผู้ก่อเหตุและสันนิษฐานเหตุการณ์
ตำรวจสันนิษฐานว่าผู้ก่อเหตุอาจเป็น สามีของผู้เสียชีวิต ซึ่งต่อมาพบว่าเขามี ประวัติป่วยจิตเวช และเกิดความเครียดสะสมอย่างรุนแรงจากเหตุการณ์หลายอย่าง โดยเฉพาะความสูญเสียของพ่อ ซึ่งเสียชีวิตจากอาการป่วยเมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา
จากการสอบสวนเบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่า ผู้ก่อเหตุยิงลูกสาวอายุ 9 ขวบและภรรยาก่อน จากนั้นจึงยิงตัวเองตาม ลำดับ ซึ่งถือเป็นกรณี ฆ่าตัวตายภายหลังฆาตกรรม ที่เกิดขึ้นจากความเครียดและปัญหาสุขภาพจิต
🔹 ป้ายหน้าบ้านและประวัติครอบครัว
ป้ายหน้าบ้านที่ติดชื่อยศ พันตำรวจเอก ทราบภายหลังว่าเป็น ชื่อของบิดาผู้ก่อเหตุ และเป็นเจ้าของบ้าน หลังเกษียณจากราชการมานานหลายปี พ่อของผู้ก่อเหตุเพิ่งเสียชีวิตจากอาการป่วยด้วยโรคประจำตัวเมื่อสัปดาห์ก่อน
ข้อมูลนี้ทำให้เจ้าหน้าที่และเพื่อนบ้านเห็นภาพความสูญเสียและความเครียดของผู้ก่อเหตุชัดเจนยิ่งขึ้น เพราะชายวัย 39 ปีมีความผูกพันกับพ่อมาก และปัญหาสุขภาพจิตและความเครียดสะสมอาจทำให้เกิดเหตุโศกนาฏกรรมนี้
🔹 แม่บ้านผู้พบศพคนแรก
ตามรายงานล่าสุดจากช่อง 7 แม่บ้านผู้พบศพเป็นคนแรก อายุ 50 ปี ให้สัมภาษณ์ว่า ปกติรับงาน ทำความสะอาดบ้านหลังนี้แบบเช้าไป-เย็นกลับ ซึ่งเธอไม่เคยสังเกตว่าครอบครัวนี้อาศัยอยู่ครบทั้งสามคน
เธอเล่าว่า
“ตอนที่ไปถึงบ้าน ปกติคิดว่ามีผู้พักอาศัยเพียงชายอายุ 39 ปี คนเดียว ไม่เคยเห็นภรรยาและลูกพักที่นี่มาก่อน ไม่ทราบว่าครอบครัวใช้ชีวิตอย่างไร ทำให้ตอนพบศพทั้งสามคนเป็นเรื่องช็อกมาก”
แม่บ้านจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที หลังจากพบร่างของผู้เสียชีวิตทั้งสาม ซึ่งการแจ้งเหตุทันท่วงทีช่วยให้ตำรวจเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว
🔹 เพื่อนบ้านและบริบทของผู้ก่อเหตุ
เพื่อนบ้านเปิดเผยข้อมูลว่า ผู้ก่อเหตุเป็นอดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย มีอาวุธปืนอยู่ในครอบครอง และคาดว่าเป็น อาวุธถูกกฎหมาย
ลักษณะนิสัยของผู้ก่อเหตุค่อนข้าง เก็บตัว ไม่สุงสิงกับใคร เวลาซื้อของมักว่าจ้างวินรถจักรยานยนต์ให้ไปซื้อของแทน เขาไม่ค่อยออกจากบ้าน และเวลามีปัญหาก็จะติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ช่วยเคลียร์
เพื่อนบ้านเล่าว่า ผู้ก่อเหตุเคย ออกมาเดินถืออาวุธปืน บริเวณหน้าบ้าน ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
ก่อนเกิดเหตุประมาณเวลา 5 ทุ่มคืนก่อนหน้า มี รถตำรวจมาตรวจตราบริเวณหน้าบ้านตามปกติ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตำรวจมีการติดตามความปลอดภัยในพื้นที่
🔹 สถานการณ์สุขภาพจิตของผู้ก่อเหตุ
จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ก่อเหตุมี อาการเครียดอย่างรุนแรงและไม่ได้หลับมาหลายวัน เนื่องจากพ่อเพิ่งเสียชีวิต แม้ว่าจะไม่ได้พบพฤติกรรมผิดปกติในวันก่อนเกิดเหตุ แต่ความเครียดสะสมและปัญหาสุขภาพจิตอาจเป็นสาเหตุสำคัญของโศกนาฏกรรมนี้
เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า สุขภาพจิตเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกันเหตุรุนแรงในครอบครัว และเหตุการณ์นี้ถือเป็นตัวอย่างชัดเจนว่าการสังเกตพฤติกรรมผิดปกติและการเข้าช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีอาจช่วยลดความสูญเสีย
🔹 การตรวจสอบที่เกิดเหตุ
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบ จุดเกิดเหตุบนชั้น 3 ของบ้าน ซึ่งเป็นห้องนอนหลัก พบร่างผู้เสียชีวิตทั้งสามอยู่ในสภาพนอนจมกองเลือด ข้างกันพบ อาวุธปืนไม่ทราบขนาดและชนิด ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบว่าเป็นอาวุธถูกกฎหมายหรือไม่
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังเก็บหลักฐานเพิ่มเติม เช่น กล้องวงจรปิดในบ้านและบริเวณใกล้เคียง เพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ย้อนหลังและยืนยันลำดับเหตุการณ์ก่อนเกิดเหตุ
🔹 การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึง การทำงานเชิงสืบสวนและการประสานงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตั้งแต่
1. การรับแจ้งเหตุและตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที
2. การสอบปากคำแม่บ้านและเพื่อนบ้านที่เป็นพยาน
3. การเก็บหลักฐานและตรวจสอบอาวุธปืน
4. การสอบสวนประวัติผู้ก่อเหตุและตรวจสอบประวัติสุขภาพจิต
5. การจัดทำรายงานเหตุการณ์และประสานหน่วยงานอื่น เช่น โรงพยาบาลและสำนักทะเบียน
การทำงานรวดเร็วและรอบคอบของเจ้าหน้าที่ช่วยให้สามารถเข้าใจ บริบทเหตุการณ์ และสามารถรายงานข่าวอย่างเป็นระบบ
🔹 ผลกระทบต่อชุมชนและเพื่อนบ้าน
เหตุการณ์นี้สร้าง ความหวาดกลัวและความเสียใจให้กับเพื่อนบ้าน เพราะเกิดขึ้นในชุมชนที่เงียบสงบและปลอดภัยมาก่อน
เพื่อนบ้านรายหนึ่งกล่าวว่า
“ปกติบ้านนี้เงียบมาก ผู้ชายคนนี้ไม่สุงสิงกับใคร ทุกคนในซอยคุ้นเคยแต่ไม่ใกล้ชิด แต่เหตุการณ์นี้ก็ช็อกทุกคน เพราะไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นในชุมชนของเรา”
ชุมชนบางกอกน้อยยังต้องปรับตัวและเพิ่มความระมัดระวังในการสังเกตพฤติกรรมผิดปกติของเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กและผู้ใหญ่ที่เครียดหรือสูญเสียบุคคลใกล้ชิด
🔹 บทเรียนและข้อคิดจากเหตุการณ์
เหตุการณ์สลดยกครัว 3 ศพนี้ สะท้อน หลายบทเรียนสำคัญ ทั้งด้านสุขภาพจิต ครอบครัว และความปลอดภัยของชุมชน
1. การสังเกตและช่วยเหลือผู้มีอาการเครียดหรือป่วยทางจิต เป็นสิ่งสำคัญ การสื่อสารและเข้าถึงผู้ที่มีความเครียดสะสมสามารถช่วยป้องกันเหตุรุนแรงได้
2. ความสูญเสียบุคคลใกล้ชิด โดยเฉพาะผู้สูงอายุหรือพ่อแม่ อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของลูกหลานอย่างรุนแรง หากไม่ได้รับการดูแลหรือคำปรึกษา
3. การเก็บอาวุธปืนอย่างปลอดภัย ในครอบครัวและชุมชน มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุหรือเหตุรุนแรง
4. ความร่วมมือระหว่างชุมชนและตำรวจ เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อเฝ้าระวังและป้องกันเหตุรุนแรงภายในบ้านและชุมชน
5. การสื่อสารกับเพื่อนบ้านและแม่บ้าน เป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญในการสังเกตเหตุการณ์ผิดปกติ และสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อป้องกันเหตุร้าย
🔹 สรุป
เหตุการณ์ ยิงยกครัว 3 ศพบนถนนสุทธาวาส เป็นโศกนาฏกรรมสะเทือนใจที่เกิดขึ้นจากความเครียดสะสมและปัญหาสุขภาพจิตของผู้ก่อเหตุ หลังสูญเสียบุคคลใกล้ชิดและสะสมความเครียดมานาน
ผู้เสียชีวิตประกอบด้วย พ่อแม่ลูก 3 คน
ผู้ก่อเหตุเป็นชายวัย 39 ปี มีประวัติป่วยจิตเวชและเครียดสะสม
บ้านหลังเกิดเหตุเป็นของ พ่อผู้ก่อเหตุที่เพิ่งเสียชีวิตจากโรคประจำตัว
เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบและเก็บหลักฐานอย่างเป็นระบบ พร้อมสอบสวนเพื่อนบ้านและแม่บ้านผู้พบศพ
เหตุการณ์นี้สร้าง บทเรียนด้านสุขภาพจิต ครอบครัว และความปลอดภัยชุมชน ให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการสังเกตพฤติกรรมผิดปกติและการเข้าช่วยเหลือผู้มีปัญหาสุขภาพจิตอย่างทันท่วงที
สุดท้าย เหตุการณ์นี้เป็น ตัวอย่างสะเทือนใจของปัญหาครอบครัวและความเครียดสะสม ที่สามารถเกิดขึ้นได้กับใครก็ได้ หากไม่ได้รับการดูแล ทั้งยังสะท้อนถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างชุมชนและเจ้าหน้าที่รัฐในการป้องกันเหตุรุนแรงในครอบครัว





















