‘นิวเยียร์-อัญมณี กระจ่างช่วย’..‘ประติมากรอายุน้อยสุดในโลก’
ในวัยเพียงสิบหกปี “น้องนิวเยียร์ – อัญมณี กระจ่างช่วย” กลายเป็นชื่อที่ถูกกล่าวถึงในวงการศิลปะไทยอย่างกว้างขวาง เด็กสาวร่างเล็กผู้ใช้เวลาสองปีเต็มในการสร้างสรรค์ผลงานประติมากรรม “พระบรมรูปในหลวงรัชกาลที่ 9” ด้วยหัวใจอันเปี่ยมด้วยความจงรักภักดี ผลงานชิ้นนี้ไม่เพียงสะท้อนฝีมืออันละเอียดอ่อนและความพากเพียรเกินวัย หากยังนำพาให้เธอได้รับ “รางวัลเชิดชูเกียรติ ประติมากรอายุน้อยที่สุดในโลก” จากโครงการเด็กและเยาวชน “ต้นกล้าคนดีของสังคม” ซึ่งจัดโดยวุฒิสภาในปลายปี พ.ศ. 2566
เส้นทางศิลปะของน้องนิวเยียร์เริ่มต้นจากในบ้านที่อบอวลไปด้วยกลิ่นสีและเสียงหัวเราะของครอบครัว คุณพ่อของเธอคือครูสอนศิลปะ ผู้ซึ่งกลายเป็นแรงบันดาลใจและเป็นครูคนแรกในชีวิต ตั้งแต่ยังเล็ก เธอเติบโตมาท่ามกลางผ้าใบ ดินน้ำมัน และพู่กัน คุณพ่อมักให้เธอกับน้องสาวระบายสีเล่นลงบนผ้าใบอย่างอิสระ หรือจับดินมาปั้นเป็นของเล่นและอาหารจิ๋วเพื่อฝึกกล้ามเนื้อมือและความคิดสร้างสรรค์ พออายุได้สิบสามปี ศิลปะเริ่มกลายเป็นสิ่งจริงจังในชีวิตของเธอ เพราะคุณพ่อเริ่มสอนให้เข้าใจพื้นฐานของศิลปะอย่างลึกซึ้ง ทั้งการวาดเส้น การเขียนแบบ การเขียนลายไทย และในที่สุดก็คือการปั้น
แต่คุณพ่อไม่ได้ให้เธอเริ่มจากการปั้นใบหน้ามนุษย์ทันที เขาให้เธอเริ่มจาก “มือ” ของหุ่นจำลอง เพื่อเรียนรู้รูปทรงและสัดส่วนของร่างกาย จากนั้นจึงค่อยให้ฝึกปั้น “กะโหลกมนุษย์” เพื่อเข้าใจมิติและโครงสร้างที่ซับซ้อนของใบหน้า ทุกขั้นตอนคือการสั่งสมประสบการณ์ และเป็นการปลูกฝังให้เธอมองศิลปะไม่ใช่เพียงการสร้างสิ่งสวยงาม แต่คือการเข้าใจชีวิตในทุกรายละเอียด
ความหลงใหลในราชวงศ์และความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอีกแรงขับที่สำคัญ เธอมักวาดภาพพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์อยู่เสมอ เพราะรู้สึกผูกพันกับพระราชกรณียกิจที่ได้อ่านและเห็นจากสื่อ เมื่อครั้งยังเด็ก เธอเคยชมการ์ตูนเรื่อง “เบิร์ดแลนด์แดนมหัศจรรย์” ซึ่งเล่าเรื่องพระราชกรณียกิจของในหลวงรัชกาลที่ 9 การ์ตูนเรื่องนั้นกลายเป็นแรงบันดาลใจสำคัญ ทำให้เธอเข้าใจถึงความเสียสละ ความเมตตา และความเพียรของพระองค์ที่ทรงทำเพื่อประชาชน
เมื่อคุณพ่อเห็นความตั้งใจและความศรัทธาที่ชัดเจนในใจของลูกสาว จึงมอบหมายให้เธอลองทำงานใหญ่เป็นครั้งแรกในชีวิต — การปั้น “พระบรมรูปในหลวงรัชกาลที่ 9” ด้วยตัวเองอย่างเต็มรูปแบบ สำหรับเด็กหญิงอายุเพียงสิบสามปี นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่เธอรับคำท้าทายด้วยความตั้งใจแน่วแน่ เธอเริ่มจากการศึกษาพระพักตร์ของพระองค์อย่างละเอียด ผ่านภาพถ่ายนับร้อยใบ เพื่อจับลักษณะเฉพาะที่แฝงอยู่ในพระเมตตาและความสงบของแววตา
เพียงแค่ส่วน “พระพักตร์” เธอก็ใช้เวลาปั้นนานกว่าหนึ่งปีเต็ม เพราะอยากให้ทุกมิติของใบหน้าแสดงออกถึงความอ่อนโยนและความสง่างามที่สุด เธอเล่าว่าหลายครั้งต้องปั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะรู้สึกว่ายังไม่ “ใช่” และในทุกครั้งที่มือสัมผัสดิน เธอรู้สึกเหมือนกำลังกราบพระองค์ด้วยหัวใจ
เมื่อส่วนพระพักตร์เสร็จสมบูรณ์ เธอก็เริ่มปั้นชุดฉลองพระองค์ ซึ่งในตอนแรกเป็นแบบเรียบง่าย แต่เมื่อมองดูผลงานโดยรวม เธอกลับรู้สึกว่ามันยังไม่สามารถสื่อถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ได้ เธอจึงตัดสินใจเริ่มใหม่อีกครั้ง เลือกแบบฉลองพระองค์ที่มีรายละเอียดซับซ้อนมากกว่าเดิม งานปั้นต้องใช้ความประณีตสูง ต้องสังเกตรายละเอียดของเครื่องแต่งกายทุกเส้นสาย ทุกจีบผ้า ทุกสัญลักษณ์ และนั่นทำให้เวลาอีกหนึ่งปีผ่านไปโดยที่เธอยังไม่หยุดมือ
ตลอดสองปีแห่งการปั้น น้องนิวเยียร์ต้องผ่านทั้งความเหนื่อยล้า ความท้อ และความกลัวว่าจะทำออกมาไม่ดีพอ แต่สิ่งที่ทำให้เธอไม่ยอมแพ้ คือความศรัทธาที่มีต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 และคำสอนของคุณพ่อที่ว่า “ศิลปะที่ยิ่งใหญ่ต้องมาจากหัวใจที่เคารพในสิ่งที่เราทำ”
ในที่สุด ผลงานประติมากรรมพระบรมรูปในหลวงรัชกาลที่ 9 ของเธอก็สำเร็จลงในวัยเพียงสิบหกปี เป็นผลงานที่งดงามทั้งในเชิงศิลปะและในความหมายของจิตวิญญาณ ศิลปินน้อยผู้ปั้นด้วยหัวใจจึงได้รับการยกย่องให้เป็น “ประติมากรอายุน้อยที่สุดในโลก” รางวัลอันทรงเกียรติที่มาจากความเพียร ความศรัทธา และแรงบันดาลใจที่ไม่สิ้นสุด
น้องนิวเยียร์บอกอย่างถ่อมตัวว่า เธอไม่เคยคิดจะทำเพื่อชื่อเสียง แต่เพียงอยากให้ผู้คนได้เห็นถึงความงดงามของพระราชกรณียกิจและรู้สึกถึงพระมหากรุณาธิคุณผ่านผลงานชิ้นเล็ก ๆ ของเธอ “หนูอยากให้ทุกคนเห็นว่า เด็กคนหนึ่งก็สามารถสร้างสิ่งที่มีคุณค่าได้ ถ้าเราทำด้วยความรักและความตั้งใจจริง”
เรื่องราวของน้องนิวเยียร์จึงไม่ใช่แค่เรื่องของศิลปะ แต่คือเรื่องของหัวใจที่งดงาม เด็กหญิงคนนี้ได้พิสูจน์แล้วว่า ความยิ่งใหญ่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุหรือประสบการณ์ หากอยู่ที่ความศรัทธา ความเพียร และความรักในสิ่งที่ทำอย่างแท้จริง ศิลปะของเธอไม่ได้เพียงหล่อรูป แต่ยังหล่อหลอมจิตใจของผู้คนให้ระลึกถึงความดีงาม และเชื่อมั่นว่าความตั้งใจเล็ก ๆ ก็สามารถสร้างแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ให้แก่โลกได้เสมอ.




















