หมีญี่ปุ่นบุก! แผนที่แดงฉานปี 2025 วิกฤตหมีอาละวาดทุบสถิติที่ชาวญี่ปุ่นผวา
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ขอบเขตการเคลื่อนไหวของหมีป่าในญี่ปุ่นได้ขยายตัวอย่างเห็นได้ชัด และในปี 2025 นี้เอง สถานการณ์ก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นอย่างน่าตกใจ จากรายงานการพบเห็นและการโจมตีของหมีในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งมีจำนวนสะสมสูงกว่าร้อยครั้ง และทำให้ยอดผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตพุ่งสูงทำลายสถิติในอดีต โดยยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เหตุการณ์ "ภัยจากหมี" นี้ได้กลายเป็นประเด็นที่รัฐบาลกลางและท้องถิ่นของญี่ปุ่นต้องให้ความสำคัญและรับมืออย่างจริงจัง ล่าสุดได้มีชาวเน็ตญี่ปุ่นรายหนึ่งได้รวบรวมข้อมูลการแจ้งเหตุพบหมีในเมือง, เมืองเล็ก, และหมู่บ้านต่างๆ ประจำปีนี้ และนำมาจัดทำเป็นแผนที่แสดงผลอย่างชัดเจน
สิ่งที่ทำให้เกิดกระแสฮือฮาไปทั่วญี่ปุ่นคือ ภาพแผนที่ที่ถูกเผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์ม X (ชื่อเดิม Twitter) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นฮอกไกโด, โทโฮคุ, คันโต, ชูบุ, คินคิ, ชูโกกุ และบางส่วนของชิโกกุ ถูกแต้มเป็น "สีแดง" เกือบทั้งผืน โดยสีแดงในแผนที่นี้คือสัญลักษณ์ของพื้นที่ที่มีการรายงานการพบหมี เป็นภาพที่น่าตื่นตระหนกและสะท้อนถึงขอบเขตความเสียหายที่แผ่ขยายออกไปอย่างกว้างขวาง
จากการตรวจสอบพบว่า มีเพียงไม่กี่ภูมิภาคที่ไม่มีการรายงานการพบหมีเลย คือ ภูมิภาคคิวชู และ โอกินาว่า เท่านั้น ซึ่งนักวิชาการคาดการณ์ว่าอาจเกี่ยวข้องกับอดีตที่มีการจัดการประชากรหมีอย่างเป็นระบบ และการมีช่องแคบคันมงเป็นอุปสรรคตามธรรมชาติในการเคลื่อนตัวของหมีลงใต้ (อนึ่ง กระทรวงสิ่งแวดล้อมของญี่ปุ่นเคยประกาศในปี 2012 ว่าหมีในคิวชู "สูญพันธุ์" ไปแล้ว)
เพื่อตอบโต้กับวิกฤตที่ทวีความรุนแรงนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นได้เร่งแก้ไข "กฎหมายการจัดการและการอนุรักษ์นกและสัตว์ป่า" เมื่อเดือนที่แล้ว โดยอนุญาตให้รัฐบาลท้องถิ่นสามารถตัดสินใจมอบหมายให้นายพรานใช้ปืนล่าสัตว์ "ล่าสัตว์ฉุกเฉิน" (Emergency Hunting) ได้ในพื้นที่ที่มีบ้านเรือนหนาแน่น ภายใต้เงื่อนไขเฉพาะ ซึ่งเป็นมาตรการที่ก่อให้เกิดการถกเถียงในสังคมเกี่ยวกับประเด็นการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์และหมี
ผู้เชี่ยวชาญได้ออกคำเตือนให้ประชาชนที่ทำกิจกรรมกลางแจ้งควรพกพา "กระดิ่งหมี" (Bear Bell) เพื่อส่งเสียงเตือน และเตรียม สเปรย์ป้องกันหมี ไว้เพื่อป้องกันตัวจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
แผนที่สีแดงฉานนี้ไม่เพียงแต่เป็นภาพที่น่าตื่นเต้นบนโลกออนไลน์เท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนที่สุดถึงวิกฤตการอยู่รอดร่วมกันของมนุษย์และสัตว์ป่าในญี่ปุ่น ที่ต้องการความร่วมมือและการรับมืออย่างเร่งด่วนจากทุกภาคส่วน















