กัมพูชาพากย์เสียงละครจักรๆ วงศ์ๆ ไทย เคลมเป็น “Khmer Movie” โกยยอดวิว YouTube – ละเมิดลิขสิทธิ์-บิดเบือนข้อมูลสร้างความเข้าใจผิด
กัมพูชาพากย์เสียงละครจักร ๆ วงศ์ ๆ ไทย เคลมเป็น “Khmer Movie” โกยยอดวิว YouTube – ละเมิดลิขสิทธิ์-บิดเบือนข้อมูลสร้างความเข้าใจผิด
รายงานล่าสุดจากสื่อออนไลน์ไทยและต่างประเทศ เผยพฤติกรรมที่กำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ในโลกออนไลน์ เมื่อมีการค้นพบว่าผู้ใช้งานชาวกัมพูชาหลายกลุ่ม นำ “ละครจักร ๆ วงศ์ ๆ” ของไทยไปพากย์เสียงเป็นภาษาเขมร ก่อนอัปโหลดขึ้นบน YouTube พร้อมระบุชื่อคลิปว่าเป็น “Khmer Movie” หรือ “ภาพยนตร์เขมร” เพื่อดึงดูดผู้ชมในประเทศตนเอง
การละเมิดลิขสิทธิ์อย่างชัดเจน
ข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อระบุว่า การนำผลงานโทรทัศน์ไทยไปพากย์และเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็น การละเมิดลิขสิทธิ์โดยตรง ทั้งในส่วนของภาพ เสียง และบทละคร ซึ่งอยู่ภายใต้กฎหมายคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา ขณะที่ผู้เผยแพร่ยังมีการเปิดระบบสร้างรายได้ (Monetization) จากยอดวิวของผู้ชม ทำให้เกิดผลประโยชน์ทางการเงินโดยมิชอบ
ตัวอย่างหนึ่งที่ถูกเปิดเผย คือคลิปละครไทยแนวจักร ๆ วงศ์ ๆ ซึ่งถูกนำไปพากย์เสียงภาษาเขมร มีผู้เข้าชมมากกว่า 660,000 ครั้ง และยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยไม่มีการระบุแหล่งที่มาหรือให้เครดิตต่อผู้ผลิตต้นฉบับจากประเทศไทยแม้แต่น้อย
บิดเบือนข้อมูล สร้างความเข้าใจผิดในสังคมกัมพูชา
สิ่งที่น่ากังวลคือ ผลกระทบทางวัฒนธรรมและการรับรู้ของผู้ชมชาวกัมพูชา ที่จำนวนมาก เข้าใจผิดว่าผลงานเหล่านี้เป็น “ละครที่สร้างโดยชาวกัมพูชาเอง” เนื่องจากฟังเสียงพากย์เป็นภาษาเขมร และเห็นชื่อคลิปที่ใช้คำว่า Khmer Movie ซึ่งสร้างความสับสนว่าผลงานนี้เป็นสมบัติของชาติตนเอง
ผู้ใช้บางส่วนในโลกออนไลน์ของกัมพูชาถึงขั้น กล่าวหาประเทศไทยว่า “ลอกเลียนวัฒนธรรม” หลังเห็นเวอร์ชันต้นฉบับของไทย โดยไม่รู้ว่าละครที่พวกเขาชื่นชมนั้นมาจากไทยตั้งแต่ต้น กลายเป็นวงจรความเข้าใจผิดซ้ำซาก ที่ถูกใช้โจมตีประเทศไทยในเชิงวัฒนธรรมอยู่บ่อยครั้ง
ผลประโยชน์จากยอดวิว YouTube
รายงานเพิ่มเติมระบุว่า ช่อง YouTube หลายช่องในกัมพูชามีพฤติกรรมลักษณะเดียวกัน คือคัดคลิปจากละครจักร ๆ วงศ์ ๆ หรือซีรีส์พื้นบ้านของไทยไปพากย์เสียงใหม่ ก่อนอัปโหลดซ้ำเพื่อปั่นยอดวิวและสร้างรายได้เข้าบัญชีของตนเอง ซึ่งถือเป็น การหาประโยชน์บนความเสียหายของเจ้าของลิขสิทธิ์ไทย
ผู้เชี่ยวชาญแนะรัฐไทยต้องเร่งดำเนินการ
นักกฎหมายด้านทรัพย์สินทางปัญญาเสนอให้หน่วยงานไทย โดยเฉพาะกรมทรัพย์สินทางปัญญา และกระทรวงดิจิทัลฯ ประสานกับ YouTube และรัฐบาลกัมพูชา เพื่อจัดการกับการละเมิดลิขสิทธิ์ที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ เพราะนอกจากจะกระทบต่ออุตสาหกรรมบันเทิงไทยแล้ว ยังส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศในระยะยาว
“นี่ไม่ใช่แค่เรื่องคลิปละคร แต่คือการบิดเบือนอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชาติไทย ซึ่งไม่ควรถูกปล่อยให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
นักวิชาการด้านสื่อกล่าว
ปัญหานี้สะท้อน “สงครามซอฟต์พาวเวอร์” ในอาเซียน
ผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมชี้ว่า เหตุการณ์นี้สะท้อนการแข่งขันด้าน “ซอฟต์พาวเวอร์” ในภูมิภาค ที่หลายประเทศพยายามสร้างอิทธิพลทางวัฒนธรรมผ่านสื่อ แต่เมื่อขาดระบบควบคุมและการเคารพลิขสิทธิ์ ก็อาจกลายเป็นความขัดแย้งทางวัฒนธรรมแทน
ปัจจุบันมีรายงานว่าผู้ผลิตละครไทยบางค่ายเริ่มรวบรวมหลักฐานเพื่อ แจ้งลิขสิทธิ์ (Copyright Claim) กับ YouTube แล้ว และอาจพิจารณาดำเนินคดีในอนาคต หากยังพบการละเมิดซ้ำ
กรณี “พากย์ละครไทยเป็น Khmer Movie” ไม่เพียงเป็นเรื่องของการละเมิดลิขสิทธิ์ แต่เป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาการบิดเบือนข้อมูลและการแย่งชิงวัฒนธรรมในโลกออนไลน์ ซึ่งหากไม่เร่งจัดการ อาจกลายเป็นชนวนความขัดแย้งระหว่างประเทศในระยะยาว























