ด่วน! ไทย-กัมพูชาบรรลุ “ข้อตกลงสันติภาพชายแดน” เตรียมลงนามปลายเดือนนี้ – สหรัฐฯ-มาเลเซีย ร่วมเป็นพยาน
ด่วน! ไทย-กัมพูชาบรรลุ “ข้อตกลงสันติภาพชายแดน” เตรียมลงนามปลายเดือนนี้ – สหรัฐฯ-มาเลเซีย ร่วมเป็นพยาน
วันที่ 18 ตุลาคม 2568 — ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชามีความคืบหน้าครั้งสำคัญ หลังจากการหารือสี่ฝ่ายที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยมีตัวแทนจาก ไทย กัมพูชา สหรัฐอเมริกา และมาเลเซีย เข้าร่วม ภายใต้การอำนวยความสะดวกของมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน
นาย ปรัก สุคน (Prak Sokhonn) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวที่ท่าอากาศยานนานาชาติเตโช ภายหลังเดินทางกลับจากมาเลเซียว่า การประชุมครั้งนี้ได้บรรลุ “ข้อตกลงสันติภาพ” ระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งถือเป็นเอกสารสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ทั้งสองประเทศจะลงนามร่วมกันในปลายเดือนนี้
โดยสาระสำคัญของข้อตกลงครอบคลุมประเด็นหลัก 5 ด้าน ได้แก่
1. การถอนอาวุธหนักออกจากแนวชายแดน
2. การถอนกำลังทหารของทั้งสองฝ่าย
3. การปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์และอาชญากรรมข้ามชาติ
4. การเก็บกู้และกำจัดทุ่นระเบิดในพื้นที่เสี่ยง
5. การปล่อยตัวทหารกัมพูชา 18 นาย ที่ถูกควบคุมตัวโดยฝ่ายไทยก่อนหน้านี้
นายปรัก สุคน กล่าวเพิ่มเติมว่า เอกสารข้อตกลงฉบับเต็มจะได้รับการลงนามอย่างเป็นทางการโดย นายกรัฐมนตรีของไทยและกัมพูชา ภายในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26–28 ตุลาคม 2568 โดยมี ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นสักขีพยาน และ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เป็นเจ้าภาพการลงนาม
ด้าน กระทรวงการต่างประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ผ่านเพจทางการ ระบุว่า
> “เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2568 นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางเยือนมาเลเซียตามคำเชิญของรัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย เพื่อหารือในกรอบสี่ฝ่าย ไทย–กัมพูชา–มาเลเซีย–สหรัฐฯ ต่อเนื่องจากการประชุมที่นครนิวยอร์กเมื่อวันที่ 26 กันยายน และการหารือรอบก่อนหน้าเมื่อวันที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมา”
ฝ่ายไทยได้ย้ำถึง ความสำคัญของการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด พร้อมผลักดันให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมในด้านการถอนอาวุธ การร่วมกันเก็บกู้ทุ่นระเบิด การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และการพัฒนาแนวชายแดนให้เป็นพื้นที่แห่งสันติภาพอย่างยั่งยืน
ข้อตกลงฉบับนี้ถูกมองว่าเป็น ก้าวสำคัญในการคลี่คลายความตึงเครียดระหว่างไทย–กัมพูชา ที่ยืดเยื้อมานานหลายเดือน โดยเฉพาะกรณีการปะทะชายแดนและปัญหาการข่มขู่ด้วยเครื่องกระจายเสียง รวมถึงปัญหาทุ่นระเบิดที่ยังส่งผลกระทบต่อชีวิตประชาชนทั้งสองฝั่ง
หากการลงนามเป็นไปตามกำหนด นักวิเคราะห์คาดว่า ความร่วมมือด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจระหว่างไทย–กัมพูชาจะกลับมาแน่นแฟ้นอีกครั้ง และอาจเป็น ต้นแบบของการเจรจาแก้ไขข้อพิพาทชายแดนในภูมิภาคอาเซียน ในอนาคต




















