“กสม.กัมพูชา” ยื่นร้อง UN เร่งตรวจสอบไทย เปิดลำโพงเสียงดังชายแดน ชี้เข้าข่ายทรมานทางจิตใจ ละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรง
“กสม.กัมพูชา” ยื่นร้อง UN เร่งตรวจสอบไทย เปิดลำโพงเสียงดังชายแดน ชี้เข้าข่ายทรมานทางจิตใจ ละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรง
คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนกัมพูชา (Cambodian Human Rights Committee: CHRC) ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ เรียกร้องให้ สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) เข้าตรวจสอบและยุติการเปิดเครื่องขยายเสียงจากฝั่งไทย ซึ่งมีรายงานว่าใช้ระดับเสียงรุนแรงเกินมาตรฐานความปลอดภัยของมนุษย์
แถลงการณ์ดังกล่าว ระบุว่า CHRC ได้ยื่นคำร้องต่อสหประชาชาติไปแล้วเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2025 เกี่ยวกับการ “ใช้เสียงรบกวน” ตามแนวชายแดนกัมพูชา–ไทย ซึ่งถูกมองว่าเป็นการ ทรมานทางจิตใจ ข่มขู่ และคุกคามประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตหมู่บ้านโจกเจย (Chouk Chey) ที่อยู่ติดชายแดนไทย
ตามรายงานของสื่อไทย Khaosod English เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2025 พบว่า มียานพาหนะติดตั้งระบบเสียงขนาดใหญ่หลายคันรวมตัวกันบริเวณ บ้านหนองจาน ฝั่งไทย เพื่อออกอากาศเสียงดังตลอดช่วงวันที่ 17–19 ตุลาคม ซึ่งระดับเสียงดังกล่าวถูกกล่าวอ้างว่า มีความเข้มสูงจนเกินกว่าขอบเขตความปลอดภัยของมนุษย์
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ CHRC อ้างถึงระบุว่า
เสียงที่มีความดังเกิน 140 เดซิเบล อาจทำให้แก้วหูฉีกขาด
เสียงที่เข้าใกล้ 200 เดซิเบล อาจสร้างแรงดันถึงขั้น “ทำลายอวัยวะภายใน” และ “อาจถึงแก่ชีวิต” ได้
คณะกรรมาธิการฯ ชี้ว่า การกระทำในลักษณะนี้ เป็นการโจมตีต่อสุขภาพและศักดิ์ศรีของมนุษย์อย่างร้ายแรงและตั้งใจ โดยส่งผลกระทบต่อผู้หญิง เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย และผู้พิการในหมู่บ้านชายแดน อีกทั้งยังสะท้อนแนวทางที่ CHRC เรียกว่าเป็น “กฎป่าครองเมือง (law-of-the-jungle approach)” ซึ่งละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน
CHRC ระบุเพิ่มเติมว่า แม้ บุคคลสาธารณะของไทยหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกวุฒิสภา เจ้าหน้าที่รัฐ นักสิทธิมนุษยชนจาก Human Rights Watch หรือผู้นำพรรคการเมือง จะเห็นพ้องกันว่าการใช้เสียงเพื่อข่มขู่หรือทรมานทางจิตใจ ถือเป็นการ ละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรง ตาม อนุสัญญาต่อต้านการทรมาน (CAT) ซึ่งไทยและกัมพูชาต่างเป็นภาคี
ด้วยเหตุนี้ CHRC จึงเรียกร้องให้ OHCHR
ส่งคณะผู้สังเกตการณ์ภาคสนาม (On-site Observation Mission) เข้าตรวจสอบพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชาโดยด่วน
ดำเนินมาตรการเชิงรูปธรรม เพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชนในอนาคต
CHRC ยังเตือนว่า หากสหประชาชาติไม่ดำเนินการอย่างทันท่วงที อาจถูกตีความว่าเป็นการเพิกเฉยต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน และอาจสร้างบรรทัดฐานอันตรายของ “การไม่ถูกลงโทษ (Impunity)” ซึ่งจะทำลายความเชื่อมั่นต่อระบบสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศโดยรวม
ท้ายที่สุด CHRC ย้ำว่า กัมพูชาได้หลีกเลี่ยงการตอบโต้ด้วยกำลัง แม้จะถูกยั่วยุหลายครั้ง เพื่อรักษาหลักนิติธรรมและความมั่นคงของภูมิภาค โดยให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยและสิทธิในการมีชีวิตของประชาชนทั้งสองฝั่งชายแดน
> “เรายังคงมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เพื่อคุ้มครองสิทธิของประชาชนผู้บริสุทธิ์ทุกคนตามแนวชายแดนกัมพูชา–ไทย”
— แถลงการณ์จากคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนกัมพูชา (CHRC)

















