“ชูวิทย์” แจงกลางสื่อ! พูดถึงศึก “กัน จอมพลัง” ปะทะ “ไอซ์ รักชนก” — ย้ำสังคมไทยต้องแยกแยะบทบาท ‘ฮีโร่’ กับ ‘รัฐ’
“ชูวิทย์” แจงกลางสื่อ! พูดถึงศึก “กัน จอมพลัง” ปะทะ “ไอซ์ รักชนก” — ย้ำสังคมไทยต้องแยกแยะบทบาท ‘ฮีโร่’ กับ ‘รัฐ’
วันที่ 17 ตุลาคม 2568 — นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว แสดงความคิดเห็นต่อกรณีความขัดแย้งระหว่าง “กัน จอมพลัง” และ “ไอซ์ รักชนก” ที่กำลังเป็นกระแสในสังคม โดยระบุว่า เรื่องนี้สะท้อนให้เห็น “โครงสร้างที่บิดเบี้ยวของสังคมไทย” ที่ประชาชนไม่สามารถพึ่งพาหน่วยงานรัฐได้อย่างแท้จริง จนต้องมี “ฮีโร่ภาคประชาชน” เข้ามาทำหน้าที่แทน
นายชูวิทย์กล่าวว่า สังคมไทยมักต้องการ “ฮีโร่” ในทุกยุคทุกสมัย โดยเฉพาะเมื่อหน่วยงานรัฐขาดประสิทธิภาพ ประชาชนจึงฝากความหวังไว้กับบุคคลที่อาสาทำงานเพื่อส่วนรวม ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือผู้เดือดร้อน ร้องเรียนความไม่เป็นธรรม หรือแม้แต่การออกไปปกป้องชายแดน แต่เขาก็ตั้งคำถามว่า
“เมื่อกองทัพมีงบประมาณหลายแสนล้านบาท มีหน้าที่ปกป้องเขตแดนโดยตรง เหตุใดเรายังต้องมี ‘กัน จอมพลัง’ ที่ต้องออกมาระดมเงินบริจาคเพื่อซื้ออุปกรณ์ช่วยชายแดนเอง?”
ชูวิทย์ย้ำว่า แม้จะชื่นชมในความตั้งใจและเสียสละของ “กัน จอมพลัง” แต่ขณะเดียวกัน รัฐบาลและกองทัพต้องไม่ละทิ้งหน้าที่ เพราะนี่คือภารกิจหลักที่ได้รับงบประมาณจากภาษีประชาชนโดยตรง พร้อมเตือนว่า การรับเงินบริจาคควรโปร่งใส เพราะแม้แต่หน่วยงานรัฐยังมีปัญหาทุจริตไม่เว้นแต่ละวัน
เขายังแนะว่า “กัน จอมพลัง” ควรกลับมาเน้นบทบาทเดิมในด้านช่วยเหลือสังคม เช่น การปกป้องคนถูกกลั่นแกล้ง หรือผู้เข้าไม่ถึงกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาทำได้ดีและได้รับการยอมรับจากสังคม
ในอีกด้านหนึ่ง “ชูวิทย์” ได้กล่าวถึง “ไอซ์ รักชนก” ส.ส.สมัยแรก ว่าควรได้รับเครดิตในฐานะ “ผู้แทนราษฎรที่แสดงบทบาทอย่างชัดเจน” โดยมองว่า หน้าที่ของนักการเมืองคือการตรวจสอบภาครัฐและสะท้อนเสียงประชาชน ไม่ใช่การแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน
“ไอซ์ได้รับเลือกตั้งมาด้วยฉันทามติจากประชาชน กินเงินเดือนภาษีประชาชน จึงมีสิทธิ์ตรวจสอบการใช้เงินและการทำงานของผู้ที่อ้างว่าช่วยเหลือสังคมได้”
ชูวิทย์ยังกล่าวในเชิงเตือนใจว่า คนที่อยากเป็น “ฮีโร่” ต้องมีจิตใจแข็งแกร่ง เพราะเส้นทางนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พร้อมฝากข้อคิดว่า “จงวางตำแหน่งของฮีโร่ให้เหมาะสม อย่าทำเกินขอบเขต หรือสุดท้ายอาจกลายเป็น ‘ฮีโร่เก๊’ ที่พังเพราะตัวเอง”
ท้ายสุด เขายังแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมว่า
“มันยากจะเชื่อว่า ฮีโร่ ไม่มีนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง”
เป็นประโยคปิดโพสต์ที่จุดประกายให้สังคมตั้งคำถามต่อปรากฏการณ์ “ฮีโร่ไทยยุคใหม่” — ว่าความช่วยเหลือจากใจบริสุทธิ์นั้นแท้จริงแล้ว ปราศจากผลประโยชน์แอบแฝงหรือไม่






















