งูเห่ากัด! ลุงวัย 62 พลีชีพงูพิษ 2 ตัว หิ้วซากเข้าห้องฉุกเฉิน
[วันที่ 17 ตุลาคม 2568] เรื่องราวสุดระทึกและชวนอึ้งจากเมืองตงกวน มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน กำลังเป็นที่พูดถึงในโลกออนไลน์ เมื่อชายชราวัย 62 ปีคนหนึ่ง ได้แสดงความ "หาญกล้า" ที่เหนือความคาดหมาย ด้วยการหิ้วซากงูเห่า 2 ตัวที่เขาเพิ่งสังหาร เข้าไปในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล หลังจากถูกงูตัวหนึ่งในจำนวนนั้นกัดเขา
รายงานข่าวระบุว่า ชายสูงวัยรายนี้ ซึ่งทราบเพียงชื่อแซ่ว่า "หลี่" (Li) ได้ออกไปตกปลาตามปกติ แต่แทนที่จะได้ปลา เขากลับ "ตก" ได้แขกไม่ได้รับเชิญถึง 2 ตัว คือ งูเห่า 2 ตัว ซึ่งเป็นงูพิษร้ายแรง และหนึ่งในนั้นได้ฉกเข้าที่น่องของเขา
ด้วยความตกใจและโมโห ที่ถูกสัตว์อันตรายจู่โจม นายหลี่จึงตัดสินใจตอบโต้ โดยใช้ความแข็งแกร่งและประสบการณ์ส่วนตัวจัดการกับอสรพิษทั้งสองตัวจนสิ้นฤทธิ์ ก่อนจะนำซากงูทั้งคู่บรรจุใส่ถุงพลาสติกใสอย่างใจเย็น และนำมันติดตัวไปยังโรงพยาบาลท้องถิ่นทันที
การปรากฏตัวของลุงหลี่พร้อมถุงงูเห่าในห้องฉุกเฉิน สร้างความตื่นตะลึงให้กับบุคลากรทางการแพทย์อย่างมาก แต่ก็ได้กลายเป็น "หลักฐาน" ชิ้นสำคัญที่ทำให้แพทย์สามารถวินิจฉัยและวางแผนการรักษาได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ซึ่งในกรณีของงูเห่านั้น การระบุชนิดของงูเป็นเรื่องสำคัญยิ่งต่อการเลือกใช้เซรุ่มแก้พิษ
ภาพถ่ายที่เผยแพร่บนโลกออนไลน์ เผยให้เห็นทีมแพทย์และพยาบาลที่แม้จะตกใจกับ "ของกลาง" แต่ก็ยังยิ้มได้และถึงขั้นมีการถ่ายรูปคู่กับถุงงูเห่า เพื่อบันทึกเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนักนี้ไว้เป็นที่ระลึก
ข่าวนี้ได้แพร่สะพัดในหมู่ชาวเน็ตจีนอย่างรวดเร็ว และได้รับเสียงชื่นชมอย่างท่วมท้น หลายคนยกย่องในความ "เด็ดเดี่ยว" และ "ความกล้าหาญ" ของลุงหลี่ โดยให้ความเห็นว่าเขาเป็น "คนที่กล้าหาญมาก" และ "สุดยอดคน" ที่สามารถรับมือกับสถานการณ์อันตรายได้อย่างไม่คาดคิด และยังแสดงความรอบคอบในการนำซากงูมาให้แพทย์ดูเพื่อช่วยในการรักษาด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ป่าก็ได้เตือนว่า การกระทำเช่นนี้ไม่ควรเลียนแบบ เนื่องจากเป็นอันตรายอย่างยิ่ง การถูกงูกัดควรจำลักษณะงู หรือรีบไปโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาทันทีโดยไม่ต้องพยายามจับหรืองูมาด้วย เว้นแต่จะมี "หลักฐาน" ที่ชัดเจนและปลอดภัยพอสมควรแบบที่ลุงหลี่ทำ
นี่คือเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความ "ไม่ธรรมดา" ของสามัญชนคนหนึ่ง ที่ต้องเผชิญหน้ากับความตาย และเอาชีวิตรอดมาได้ พร้อมเรื่องเล่าที่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธ เพราะมี "ของกลาง" ในถุงพลาสติกยืนยันอย่างชัดเจน





















