เหย็ดด! แหม่มบาดลวกเพ! “เขมร” เคลมหนังลุง อ้างเป็นศิลปะโบราณกว่า 900 ปี
โลกออนไลน์ร้อนระอุอีกครั้ง หลังสื่อกัมพูชาและกลุ่มนักเคลื่อนไหวทางวัฒนธรรมฝั่งเขมร ออกมา “เคลม” ว่าศิลปะ หนังตะลุงของไทย แท้จริงแล้วมีรากเหง้ามาจาก “ศิลปะเงาโบราณของอาณาจักรกัมพูชา” ที่มีอายุยาวนานกว่า 900 ปี โดยระบุว่าศิลปะประเภทนี้เป็น “มรดกทางวัฒนธรรมดั้งเดิมของเขมร” ที่ถูกถ่ายทอดและแพร่ขยายไปยังประเทศเพื่อนบ้านในภายหลัง
คำกล่าวอ้างดังกล่าวสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกโซเชียลไทย โดยเฉพาะในกลุ่มศิลปินพื้นบ้านและผู้อนุรักษ์ศิลปะภาคใต้ ที่ต่างออกมาปกป้อง “หนังตะลุงไทย” ว่าเป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมเฉพาะถิ่นของคนไทย โดยเฉพาะในจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา ซึ่งมีประวัติความเป็นมาชัดเจนย้อนไปได้หลายร้อยปี พร้อมหลักฐานทางประวัติศาสตร์และศิลปกรรมจำนวนมาก
หลายฝ่ายมองว่าการเคลมศิลปะจากประเทศเพื่อนบ้านในลักษณะนี้ ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ เพราะที่ผ่านมา “เขมร” เคยอ้างความเป็นเจ้าของศิลปะและมรดกวัฒนธรรมหลายแขนงของไทย ไม่ว่าจะเป็นโขน รำอัปสรา ผ้าทอลายประจำถิ่น หรือแม้แต่เมนูอาหารพื้นบ้านบางชนิด ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับชาวไทยไม่น้อย
นักวิชาการด้านศิลปวัฒนธรรมไทยออกมาให้ความเห็นว่า แม้ศิลปะเงาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีลักษณะใกล้เคียงกัน เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมอินเดียในอดีต แต่แต่ละพื้นที่ก็มีพัฒนาการและเอกลักษณ์เฉพาะตัว หนังตะลุงของไทยมีการพัฒนาเรื่องราว เนื้อหา และลีลาการแสดงที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจาก “หนังเงา” ของเขมร ซึ่งเน้นพิธีกรรมทางศาสนา ขณะที่ของไทยเน้นความสนุกสนาน เสียดสีสังคม และสะท้อนวิถีชีวิตของชาวบ้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประเด็นนี้กำลังกลายเป็นอีกหนึ่ง “ศึกวัฒนธรรม” ระหว่างไทย–กัมพูชา ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องหลายครั้งในช่วงหลัง โดยชาวเน็ตไทยต่างแสดงความเห็นในทำนองว่า “ของใครของมัน” พร้อมติดแฮชแท็กล้อเลียน “#หนังลุงไม่ใช่ของลุงเขมร” ขณะที่ฝั่งกัมพูชาก็มีการเผยแพร่ภาพการแสดงเงาโบราณของตนเองประกอบบทความทางสื่อ พร้อมย้ำว่านี่คือ “รากเหง้าทางวัฒนธรรมเขมรแท้ๆ”
กระนั้น นักวิเคราะห์มองว่าการถกเถียงเรื่องนี้ควรถูกใช้เป็นโอกาสในการสร้างความเข้าใจร่วมกันมากกว่าการโต้แย้ง เพราะศิลปะคือมรดกของภูมิภาคที่ควรถูกอนุรักษ์ร่วมกัน ไม่ใช่ใช้เป็นเครื่องมือทางชาตินิยม หรือสร้างความแตกแยกระหว่างเพื่อนบ้าน






















