แรงงานเขมรทะลัก! กองกำลังบูรพาจับยกครัว 9 ชีวิตลอบเข้าไทย – สวนกระแสคำอ้าง “กัมพูชากินดีอยู่ดี
วันที่ 15 ตุลาคม 2568 — สถานการณ์แรงงานข้ามชาติชายแดนไทย–กัมพูชายังร้อนแรงไม่หยุด ล่าสุด กองกำลังบูรพา ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองและฝ่ายปกครองจังหวัดสระแก้ว สนธิกำลังจับกุมแรงงานกัมพูชา 9 คน รวมเด็กอีก 2 ราย หลังลักลอบเดินเท้าข้ามแดนเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติในพื้นที่อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว เมื่อเวลา 22.00 น. คืนที่ผ่านมา
แรงงานกลุ่มนี้ถูกจับกุมได้ขณะกำลังหลบซ่อนอยู่ในป่าละเมาะใกล้แนวชายแดน เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวทั้งหมดมาตรวจสอบเอกสาร พบว่าไม่มีเอกสารการเข้าเมืองที่ถูกต้องแต่อย่างใด และส่วนใหญ่เป็นชาวกัมพูชาจากจังหวัดบันเตียเมียนเจยและเสียมราฐ โดยทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า ตั้งใจจะเดินทางเข้ามารับจ้างตัดอ้อยในพื้นที่จังหวัดสระแก้วและนครราชสีมา หลังทราบข่าวว่ามีการเปิดรับแรงงานช่วงฤดูเก็บเกี่ยว
หนึ่งในผู้ถูกจับเปิดเผยว่า “ในกัมพูชาช่วงนี้ไม่มีงาน รายได้ไม่พอเลี้ยงครอบครัว จึงรวมตัวกันมา เพราะหวังจะได้งานตัดอ้อยในไทย รายได้ดีกว่าที่บ้านหลายเท่า” คำให้การนี้ยิ่งตอกย้ำภาพความเป็นจริงที่สวนทางกับคำกล่าวอ้างของผู้นำกัมพูชาที่เคยประกาศว่า “กัมพูชากินดีอยู่ดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องพึ่งใคร”
เจ้าหน้าที่ระบุว่า เส้นทางดังกล่าวเป็นหนึ่งในช่องทางธรรมชาติที่ขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวนิยมใช้ โดยจะมีนายหน้าทั้งฝั่งไทยและกัมพูชาทำหน้าที่รับส่ง หากตรวจสอบพบว่ามีผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม จะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายฐาน “ช่วยเหลือให้ต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง” ซึ่งมีโทษจำคุกและปรับสูง
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวแรงงานทั้งหมดไปยังศูนย์คัดแยกแรงงานต่างด้าวเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย และเตรียมผลักดันกลับประเทศต่อไป
เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เพียงสะท้อนปัญหาแรงงานผิดกฎหมายเท่านั้น แต่ยังสะท้อน “ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ” ที่ยังคงดำรงอยู่ระหว่างสองประเทศ แม้รัฐบาลพนมเปญจะประกาศว่าประชาชนอยู่ดีมีสุขแล้วก็ตาม ทว่าในความจริง แรงงานกัมพูชาจำนวนไม่น้อยยังคงเสี่ยงชีวิตเดินข้ามแดนเข้าสู่ไทย เพื่อแลกกับโอกาสทำงานและรายได้ที่ดีกว่าในบ้านเกิด.





















