เดือดแน่! นักวิชาการชี้ “ฮุนเซน” ถูกบีบทั้งเศรษฐกิจและการทหาร สหรัฐฯ ปิดงบช่วยเหลือ – เกาหลีใต้ขู่ส่งทหารร่วมสมรภูมิ
🌏 “ฮุน เซน” ถูกบีบรัดรอบด้าน! อดีตรองผอ.ข่าวกรองฯ ชี้ เบื้องหลังการหาเรื่องไทย คือการเบี่ยงเบนความสนใจ หลังสหรัฐฯ ยึดทรัพย์เครือข่าย 5 แสนล้าน – เกาหลีใต้ขู่ส่งกองกำลังช่วยคน
วันที่ 15 ตุลาคม 2568 — สถานการณ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังร้อนระอุอีกครั้ง เมื่อเกิดความตึงเครียดระหว่างไทยกับกัมพูชา ภายหลังผู้นำกัมพูชา “สมเด็จฮุน เซน” แสดงท่าทีแข็งกร้าวและกล่าวโจมตีไทยอย่างต่อเนื่อง จนหลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่ามีเบื้องหลังทางการเมืองซ่อนอยู่หรือไม่
ล่าสุด นาย นันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้ออกมาโพสต์วิเคราะห์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชี้ชัดว่าเหตุผลที่ “ฮุน เซน” เร่งสร้างความขัดแย้งกับไทยในเวลานี้ ไม่ใช่เพราะความขัดแย้งชายแดนหรือผลประโยชน์โดยตรง แต่เป็นเพราะ “เขากำลังถูกบีบรัดจากทุกทิศทาง” — ทั้งจาก สหรัฐอเมริกา ที่เพิ่งอายัดทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลของเครือข่ายใกล้ชิด และจาก เกาหลีใต้ ที่ออกแถลงการณ์ขู่ส่งเจ้าหน้าที่และกองกำลังเข้าช่วยเหลือพลเมืองของตนที่ถูกกักขังในกัมพูชา
🇰🇭 “ฮุน เซน” เจอมรสุมหนักที่สุดในชีวิตการเมือง
นายนันทิวัฒน์ระบุในโพสต์ว่า
“ฮุน เซน ถูกบีบรัดรอบด้าน กำลังเผชิญแรงกดดันมหาศาลจากนานาชาติ ทั้งจากอเมริกาและเกาหลีใต้ เขาพยายามจะสร้างประเด็นกับไทย เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของประชาชนภายในประเทศ รวมถึงสร้างภาพให้ดูเหมือนว่ากัมพูชากำลังถูกประเทศเพื่อนบ้านรังแก เพื่อปลุกกระแสชาตินิยมมาปกป้องอำนาจของตนเอง”
อดีตรองผอ.ข่าวกรองฯ วิเคราะห์เพิ่มเติมว่า ฮุน เซน กำลังใช้ยุทธวิธี “สร้างศัตรูภายนอก” เพื่อปิดบังปัญหาภายในประเทศที่กำลังรุนแรงขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะการเปิดโปงเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติที่มีชื่อของคนใกล้ชิดเขาเข้าไปพัวพัน
“ฮุน เซน ตั้งใจจะปิดล้อมไทย พยายามนำปัญหาชายแดนและข้อพิพาทกับไทยไปฟ้องศาลโลก เพื่อสร้างความชอบธรรม แต่สุดท้ายก็ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะโลกเริ่มมองเห็นแล้วว่าความจริงคืออะไร”
💣 สหรัฐฯ อายัดทรัพย์กว่า “5 แสนล้านบาท” ของเครือข่ายใกล้ชิดฮุน เซน
หนึ่งในแรงกดดันสำคัญที่ทำให้รัฐบาลกัมพูชาสั่นสะเทือน คือการที่ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (U.S. Department of Justice) ได้ยื่นฟ้องและยึดทรัพย์สินของ นายเฉิน จื้อ (Chen Zhi) มหาเศรษฐีเชื้อสายจีน ผู้ก่อตั้งกลุ่มธุรกิจ Prince Holding Group ซึ่งมีความเชื่อมโยงแนบแน่นกับรัฐบาลกัมพูชา
นายเฉิน จื้อ ถูกกล่าวหาว่าเป็น “ผู้อุปถัมภ์รายใหญ่” ของพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) และยังเคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี “ฮุน มาเนต” บุตรชายของฮุน เซน อีกด้วย
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ระบุว่า เฉิน จื้อ เป็นผู้บงการเบื้องหลังขบวนการ ค้ามนุษย์ แรงงานบังคับ และอาชญากรรมออนไลน์ รวมถึง แก๊งคอลเซ็นเตอร์และแก๊งเชือดหมู (Pig Butchering Scam) ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก โดยมีเหยื่อหลายหมื่นรายในเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ
ศาลสหรัฐฯ มีคำสั่งให้ ยึดบิตคอยน์และทรัพย์สินดิจิทัลมูลค่ากว่า 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5 แสนล้านบาท) ซึ่งเป็นของกลางในคดีดังกล่าว ถือเป็นหนึ่งในปฏิบัติการยึดทรัพย์ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์คดีไซเบอร์อาชญากรรมของโลก
🏦 “Huione Group” ถูกตัดออกจากระบบการเงินโลก
ไม่เพียงเท่านั้น กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ยังได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อ Huione Group บริษัทขนาดใหญ่ที่ถูกเชื่อว่าเป็นศูนย์กลางฟอกเงินในกัมพูชา โดยมี นายฮุน ตอ (Hun To) หลานชายของฮุน เซน เป็นผู้บริหารหลัก
สหรัฐฯ ระบุว่า กลุ่ม Huione มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือการฟอกเงินให้กับ กลุ่มแฮกเกอร์จากเกาหลีเหนือ รวมถึงจัดการธุรกรรมให้กับเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งรวมถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกลวงคนทั่วโลก
มาตรการคว่ำบาตรครั้งนี้เท่ากับ “ตัดกัมพูชาออกจากระบบการเงินโลกบางส่วน” เพราะบริษัทในเครือ Huione ถูกสั่งห้ามทำธุรกรรมกับสถาบันการเงินที่ใช้ระบบสหรัฐฯ ทั้งหมด รวมถึงถูกจำกัดการใช้ดอลลาร์สหรัฐในการชำระเงินระหว่างประเทศ
⚔️ เกาหลีใต้เดือด! ขู่ส่งกองกำลังเข้าช่วยพลเมืองที่ถูกกักขังในกัมพูชา
ในขณะที่สหรัฐฯ เดินหน้ากดดันทางเศรษฐกิจ ฝั่ง เกาหลีใต้ ก็เริ่มแสดงท่าทีแข็งกร้าวอย่างไม่เคยมีมาก่อน หลังจากมีรายงานว่าพลเมืองเกาหลีใต้จำนวนมากถูกหลอกลวงให้เดินทางไปทำงานในกัมพูชา แล้วถูกกักขัง ถูกบังคับใช้แรงงาน และบางส่วนถูกฆาตกรรม
รัฐบาลเกาหลีใต้เปิดเผยอย่างเป็นทางการว่า มีชาวเกาหลีใต้ หายสาบสูญในกัมพูชามากกว่า 300 คน และมีผู้เสียชีวิตแล้วหลายรายภายใน “ศูนย์ปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์” ที่ตั้งอยู่ในเมืองสีหนุวิลล์และเสียมราฐ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศเกาหลีใต้ได้ประกาศว่า เกาหลีใต้จะส่ง เจ้าหน้าที่ระดับสูงและหน่วยปฏิบัติการพิเศษ เข้ามาตรวจสอบในพื้นที่ และพร้อม “ใช้ทุกมาตรการ” เพื่อช่วยเหลือพลเมืองของตน หากรัฐบาลกัมพูชาไม่ให้ความร่วมมือ
คำประกาศนี้สร้างแรงสั่นสะเทือนในภูมิภาค เพราะถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีที่เกาหลีใต้แสดงท่าทีพร้อมใช้กองกำลังในต่างแดน เพื่อช่วยพลเมืองของตนจากอาชญากรรมข้ามชาติ
🧩 “ดินแดนนรกของชาวโลก” – ศูนย์กลางอาชญากรรมไซเบอร์ในเอเชีย
นายนันทิวัฒน์ สามารถ ยังระบุในโพสต์ของตนว่า โลกเริ่มเข้าใจมากขึ้นแล้วว่า “กัมพูชาได้กลายเป็นศูนย์กลางของอาชญากรรมออนไลน์ระดับโลก”
“ความจริงมีหนึ่งเดียว ไทยอาจช้าในการชี้แจงต่อชาวโลกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไทยไม่โกหก ไม่สร้างเฟคนิวส์ วันนี้โลกเข้าใจแล้วว่าดินแดนแห่งนั้นคือ ‘นรกของชาวโลก’ เป็นแหล่งอาชญากรรมออนไลน์ ฟอกเงิน และหลอกลวงผู้คนจากทั่วทุกมุมโลก”
รายงานจากหลายองค์กรระหว่างประเทศ เช่น Interpol, UNODC (สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ) และสำนักข่าวระดับโลก ต่างก็ชี้ตรงกันว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เมืองใหญ่ของกัมพูชาอย่าง สีหนุวิลล์ และ ปอยเปต ได้กลายเป็นฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขนาดยักษ์ ซึ่งมีแรงงานชาวเอเชียหลายหมื่นคนถูกล่อลวงมาทำงานในสภาพใกล้เคียงการค้ามนุษย์
⚖️ ฮุน เซน หาทางรอดด้วย “เกมการเมืองระหว่างประเทศ”
นักวิเคราะห์ทางการเมืองมองว่า การที่ฮุน เซน เริ่มหันมาจับประเด็นโจมตีประเทศไทยในช่วงนี้ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นกลยุทธ์ทางการเมืองเพื่อ “สร้างประเด็นใหม่” ให้ประชาชนภายในประเทศหันเหความสนใจจากแรงกดดันภายนอก
โดยเฉพาะหลังจากที่ ฮุน มาเนต ลูกชายของเขาเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน ทำให้รัฐบาลชุดใหม่ของกัมพูชาถูกจับตามองว่าเป็น “ระบอบสืบทอดอำนาจ” ที่ยังคงอยู่ภายใต้อิทธิพลของฮุน เซน
การสร้างศัตรูภายนอก เช่น ไทย หรือการโจมตีประเทศตะวันตกว่า “แทรกแซงกิจการภายใน” จึงอาจเป็นเครื่องมือในการรวบอำนาจและปลุกกระแสชาตินิยมในหมู่ประชาชนกัมพูชา
🔍 วิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญ: “กัมพูชากำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญ”
อดีตรองผอ.ข่าวกรองฯ ยังเตือนว่า หากฮุน เซน และกลุ่มอำนาจเก่ายังเดินหน้าในทิศทางเดิม โดยไม่ยอมปฏิรูปหรือร่วมมือกับนานาชาติ ปัญหาภายในจะยิ่งทวีความรุนแรง และอาจนำไปสู่ “การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่” ในกัมพูชา
“เมื่อการเมืองภายในเริ่มสั่นคลอน ผู้นำที่ชาญฉลาดจะหันมาแก้ไขปัญหา แต่ผู้นำที่กลัวเสียอำนาจจะสร้างศัตรูใหม่เพื่อยืดเวลาให้ตนเอง นี่คือสิ่งที่เรากำลังเห็นในกัมพูชาขณะนี้”
นายนันทิวัฒน์ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า ไทยไม่จำเป็นต้องตอบโต้ด้วยอารมณ์ แต่ควรใช้ข้อมูลและหลักฐานเชิงประจักษ์ในการสื่อสารกับประชาคมโลก เพราะ “ความจริง” จะเป็นเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด
🧭 สรุป: “ฮุน เซน” กำลังอยู่ในจุดที่ถูกบีบรัดจากทุกด้าน
เมื่อมองภาพรวมทั้งหมด จะเห็นได้ว่า “ฮุน เซน” และเครือข่ายทางการเมืองกำลังเผชิญแรงกดดันระดับสูงจากมหาอำนาจทั้งสหรัฐฯ และเกาหลีใต้
ด้านเศรษฐกิจ: ถูกอายัดทรัพย์สินกว่า 5 แสนล้านบาท และถูกตัดออกจากระบบการเงินสหรัฐฯ
ด้านการเมือง: ถูกตั้งคำถามเรื่องการสืบทอดอำนาจและความโปร่งใสของรัฐบาล
ด้านระหว่างประเทศ: เผชิญแรงกดดันจากประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงเสียงวิพากษ์จากประชาคมโลกเรื่องสิทธิมนุษยชน
ด้านสังคม: ประชาชนในประเทศเริ่มตั้งคำถามต่อระบบราชการและความสัมพันธ์กับจีน
ด้วยเหตุนี้ การ “หาเรื่องไทย” อาจไม่ใช่เพียงการปกป้องอธิปไตย แต่เป็น “กลยุทธ์ทางการเมือง” เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจและซื้อเวลาในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางประวัติศาสตร์ของกัมพูชา
🔔 ปิดท้าย
คำวิเคราะห์ของ นายนันทิวัฒน์ สามารถ สะท้อนให้เห็นภาพที่กว้างกว่าแค่ความขัดแย้งชายแดน เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในกัมพูชาขณะนี้เป็น “สัญญาณอันตราย” ของการปะทะระหว่างโลกเก่ากับโลกใหม่ — ระหว่างระบอบอำนาจนิยมที่พยายามรักษาผลประโยชน์ของตน กับแรงกดดันจากประชาคมโลกที่เรียกร้องความโปร่งใสและความยุติธรรม
และไม่ว่าการเมืองในกัมพูชาจะเดินไปในทิศทางใด เหตุการณ์นี้ก็ได้ตอกย้ำให้เห็นว่า “อาชญากรรมออนไลน์” ไม่ใช่เพียงปัญหาภายในประเทศใดประเทศหนึ่งอีกต่อไป แต่เป็นภัยระดับโลก ที่ทุกประเทศต้องร่วมมือกันแก้ไขอย่างจริงจัง






















