สาวเขมรไม่ทน! ฟาดแรง “คนเกาหลีแย่กว่าที่คิด” แฉหลอกกันเอง ซัดสื่อเผยแพร่ข่าวทำคนกัมพูชาถูกดูถูกทั่วเอเชีย
💥 “สาวเขมรเดือด” ซัดกลับสื่อโสมขาว ปมโจมตีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา ลั่น! “ก่อนจะพูดถึงประเทศอื่น ดูตัวเองก่อนสิ”
กลายเป็นประเด็นร้อนแรงสะเทือนโลกออนไลน์ เมื่อหญิงสาวชาวกัมพูชาคนหนึ่งที่ใช้ชื่อบัญชีเฟซบุ๊กว่า “Oun Chea” ออกมาโพสต์ข้อความยาวซัดกลับสื่อเกาหลีใต้แบบไม่ไว้หน้า ภายหลังสื่อดังจากแดนโสมรายงานข่าวต่อเนื่องเกี่ยวกับ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา” ที่หลอกลวงประชาชนชาวเกาหลีใต้จนเกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง
โพสต์ดังกล่าวของเธอได้สร้างแรงสะเทือนทางความรู้สึกให้กับชาวกัมพูชาทั้งในประเทศและในต่างแดนจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานชาวกัมพูชาที่พำนักอยู่ในเกาหลีใต้ ซึ่งส่วนใหญ่ต่างรู้สึกว่า สื่อเกาหลีรายงานข่าวแบบเหมารวมและไม่เป็นธรรมต่อคนเขมรทั้งประเทศ
🗞️ ต้นเหตุของดราม่า: สื่อเกาหลีรายงาน “กัมพูชาเป็นแหล่งใหญ่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์”
จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้มาจากรายงานข่าวของสื่อเกาหลีใต้หลายสำนัก เช่น KBS, SBS News, และ Yonhap ที่นำเสนอข่าวต่อเนื่องเกี่ยวกับขบวนการคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ในประเทศกัมพูชา โดยระบุว่าเป็นเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติที่มีคนเกาหลีตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก
ข่าวดังกล่าวชี้ว่า “กัมพูชา” กลายเป็นแหล่งกบดานของแก๊งมิจฉาชีพจากหลายชาติ โดยเฉพาะชาวจีนและชาวเกาหลีที่เข้ามาตั้งฐานหลอกลวงทางโทรศัพท์ออนไลน์ รวมถึงมีข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเกาหลีใต้ที่อ้างว่า “บางเครือข่ายมีเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในกัมพูชาสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง”
สื่อเกาหลีบางแห่งยังใช้ถ้อยคำแรงว่า “กัมพูชาเป็นประเทศที่เอื้อให้เกิดอาชญากรรมทางไซเบอร์” ทำให้ชาวกัมพูชาหลายคนรู้สึกไม่พอใจ เพราะมองว่านี่คือการโจมตีภาพลักษณ์ของประเทศโดยเหมารวมทั้งหมด ทั้งที่คนเขมรส่วนใหญ่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้เลย
🔥 “Oun Chea” โพสต์สวนกลับแรง! ยืนยัน “คนเขมรอาจจน แต่ไม่เคยจนน้ำใจ”
หลังจากกระแสข่าวโจมตีออกไปไม่นาน หญิงสาวชาวกัมพูชานามว่า “Oun Chea” ซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศเกาหลีใต้ ได้โพสต์ข้อความในเชิงปกป้องศักดิ์ศรีของคนกัมพูชา โดยเนื้อหาในโพสต์ของเธอระบุว่า
“ฉันเป็นคนเขมร ถึงจะจนเงินแต่ไม่เคยจนน้ำใจ และไม่เคยกลัวที่จะพูดว่าฉันคือคนเขมร คนเกาหลีบางคนเลวร้ายกว่าที่พวกคุณคิดเยอะ ไม่ยอมให้ใครมาเหยียบย่าคนเขมรได้ตามใจชอบหรอก ก่อนจะว่าประเทศไหน ก็ดูให้ดี ๆ ก่อน ประเทศของคุณเองก็มีข้อผิดพลาดเหมือนกัน”
ข้อความของเธอเรียกได้ว่า “จี้ใจดำ” คนจำนวนมาก โดยเฉพาะเมื่อเธอพูดถึง “สองมาตรฐานของสังคมเกาหลี” ที่มักจะมองแรงงานต่างชาติอย่างเหยียดหยาม แม้แรงงานเหล่านั้นจะมีบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจของประเทศก็ตาม
🇰🇭 เสียงสะท้อนจากแรงงานเขมรในเกาหลี: “เราไม่ได้อยากให้ใครสงสาร แต่อยากให้เคารพ”
หลังจากโพสต์ของ Oun Chea ถูกแชร์ออกไปในกลุ่มแรงงานชาวกัมพูชาในเกาหลีใต้ มีคนเข้าไปคอมเมนต์จำนวนมาก บางคนถึงกับกล่าวว่า
“เราอยู่ที่นี่ ทำงานสุจริต จ่ายภาษีตามกฎหมาย แต่กลับต้องมาถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามเพราะข่าวพวกนี้ มันไม่ยุติธรรมเลย”
แรงงานกัมพูชาหลายคนย้ำว่า ข่าวของสื่อเกาหลีจำนวนหนึ่งทำให้คนในสังคมมองแรงงานต่างชาติในแง่ลบมากขึ้น ทั้งที่คนทำผิดจริง ๆ อาจเป็นเพียงส่วนน้อย หรือบางครั้งก็ไม่ใช่คนกัมพูชาเลยด้วยซ้ำ แต่เป็นกลุ่มคนต่างชาติที่เข้ามาใช้พื้นที่ประเทศกัมพูชาเพื่อก่ออาชญากรรม
💬 “ข่าวมันใหญ่โตขึ้นเรื่อย ๆ” – เธอตั้งคำถามกลับไปยังสื่อเกาหลี
ในโพสต์ต่อมา “Oun Chea” ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ข่าวทั้งหมดที่เกาหลีใต้นำมาออกอากาศอาจไม่ได้มีแหล่งข้อมูลที่ถูกต้องทั้งหมด โดยเธอเขียนไว้ว่า
“เรื่องมันใหญ่โตขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ข่าวทั้งหมดที่ฝั่งเกาหลีใช้โจมตีเขมร แม้แต่กระทรวงการต่างประเทศหรือประธานาธิบดีเกาหลีเองก็เพิ่งจะรู้เรื่องเหมือนกัน คือรู้ข่าวมาจากโซเชียลมีเดียเท่านั้น สื่ออย่าง KBS ก็เอาข่าวมาจากฝั่งไทย ไม่ใช่หรือ?”
เธอมองว่า สื่อเกาหลีพยายามสร้างภาพให้กัมพูชาเป็น “ผู้ร้าย” ในขณะที่ประเทศตนเองกลับไม่ยอมตรวจสอบปัญหาภายในว่า คนเกาหลีด้วยกันเองก็มีส่วนในขบวนการเหล่านี้ด้วย
🕵️♂️ “คนเกาหลีหลอกคนเกาหลี” – คำพูดที่จุดชนวนความจริงอีกด้าน
ส่วนที่ถูกพูดถึงมากที่สุดจากโพสต์ของเธอคือประโยคที่ว่า
“ยิ่งขุดก็ยิ่งเจอ คนเกาหลีหลอกคนเกาหลีกันเอง คนเกาหลีขายคนเกาหลีต่อกันเป็นทอด ๆ คนที่เจอปัญหาก็ล้วนแต่เป็นพวกเดียวกัน ไม่ก็เป็นพวกโลภอยากรวยทางลัด และพวกที่เข้าออกบ่อนกาสิโนเป็นประจำ”
ข้อความนี้ทำให้เกิดการถกเถียงอย่างหนักในโลกออนไลน์ เพราะบางส่วนเห็นด้วยว่าขบวนการคอลเซ็นเตอร์หลายกลุ่มจริง ๆ แล้วไม่ได้มีชาวกัมพูชาเป็นผู้บริหารหรือผู้ได้ประโยชน์หลัก แต่เป็นกลุ่มนักลงทุนต่างชาติที่ใช้กัมพูชาเป็นฐาน เพราะกฎหมายอ่อนและสามารถติดสินบนเจ้าหน้าที่ได้ง่าย
🌏 วิเคราะห์เบื้องลึก: “เกมการเมือง–เศรษฐกิจ” และภาพลักษณ์ของอาเซียนในสายตาเกาหลี
นักวิเคราะห์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บางคนให้ความเห็นว่า ปัญหานี้สะท้อนให้เห็นถึง “ความเหลื่อมล้ำเชิงอำนาจ” ระหว่างประเทศในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ประเทศอย่างเกาหลีใต้ มักจะถูกมองว่าเป็นประเทศพัฒนาแล้ว มีเทคโนโลยีสูง มีอิทธิพลทางสื่อและวัฒนธรรม แต่เมื่อเกิดอาชญากรรมที่มีส่วนเชื่อมโยงกับภูมิภาคอาเซียน ก็มักจะนำเสนอข่าวในมุมที่ทำให้ประเทศในอาเซียนดู “ด้อยพัฒนา” หรือ “เป็นที่ซ่อนของอาชญากรรม”
ในทางกลับกัน เมื่อมีกรณีที่คนเกาหลีเป็นผู้ก่อเหตุในต่างแดน เช่น คดีค้ามนุษย์หรือฉ้อโกง สื่อเกาหลีมักจะลดน้ำหนักการนำเสนอข่าว หรือโยนความผิดไปยังสภาพแวดล้อมต่างประเทศแทน
⚖️ สื่อถูกวิจารณ์: รายงานแบบไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริงครบถ้วน
โพสต์ของสาวเขมรคนนี้ยังกลายเป็นแรงกระเพื่อมให้ชาวเน็ตในหลายประเทศ รวมถึงไทย ลุกขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของสื่อเกาหลีที่อาจ “ขาดความรับผิดชอบทางจริยธรรม” เพราะเลือกเสนอเฉพาะด้านที่กระตุ้นอารมณ์และสร้างความกลัว มากกว่าจะให้ความรู้หรืออธิบายปัญหาเชิงโครงสร้าง
ผู้ใช้โซเชียลบางคนในกัมพูชาแสดงความคิดเห็นว่า
“ถ้าเกาหลีใต้ต้องการแก้ปัญหานี้จริง ๆ ควรทำงานร่วมกับรัฐบาลกัมพูชา ไม่ใช่แค่รายงานข่าวโจมตีจนคนทั่วไปเข้าใจผิด”
💡 ความจริงที่หลายคนอาจไม่รู้: กัมพูชาก็พยายามปราบปรามอย่างจริงจัง
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลกัมพูชาได้จับมือกับทางการจีนและเกาหลีใต้ เพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างต่อเนื่อง มีการบุกทลายฐานปฏิบัติการหลายแห่ง ยึดโทรศัพท์ เครื่องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ที่ใช้ก่อเหตุได้จำนวนมาก
แต่เพราะกลุ่มอาชญากรรมเหล่านี้มีทุนหนา เคลื่อนย้ายฐานได้เร็ว และใช้เทคโนโลยีขั้นสูง การกวาดล้างจึงไม่ง่าย อีกทั้งยังมีความเกี่ยวพันกับเครือข่ายต่างชาติ ซึ่งบางครั้งรวมถึงคนเกาหลีเองด้วย
💔 ความรู้สึกของคนเขมร: “เรารู้สึกเหมือนถูกตัดสินไปแล้ว โดยไม่ได้ฟังเราเลย”
หลังจากเรื่องนี้กลายเป็นข่าวใหญ่ ชาวกัมพูชาหลายคนออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นว่า พวกเขารู้สึกเสียใจที่ถูกเหมารวมว่าเป็น “คนไม่ดี” เพียงเพราะมีอาชญากรบางกลุ่มใช้ประเทศของพวกเขาเป็นฐานปฏิบัติการ
บางคนกล่าวว่า
“เราต้องการให้โลกเห็นด้านดีของกัมพูชาด้วย ไม่ใช่เห็นแค่ข่าวคอลเซ็นเตอร์ แล้วเหมาว่าคนเขมรทุกคนเป็นแบบนั้น”
🤝 เสียงเรียกร้องให้เกิด “การเข้าใจข้ามวัฒนธรรม” มากกว่าการกล่าวโทษ
ประเด็นนี้ยังกลายเป็นบทเรียนสำคัญว่า การนำเสนอข่าวระหว่างประเทศควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของ “ความเข้าใจทางวัฒนธรรม” (Cultural Understanding) และ “ความรับผิดชอบต่อสังคม”
Oun Chea ปิดท้ายโพสต์ของเธอด้วยถ้อยคำที่ชัดเจนและเต็มไปด้วยศักดิ์ศรีว่า
“ฉันไม่ได้บอกว่ากัมพูชาสมบูรณ์แบบ แต่เราคือมนุษย์ที่มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน อย่าดูถูกกันเพียงเพราะคุณมีเทคโนโลยีดีกว่า หรือมีเศรษฐกิจมั่นคงกว่า เพราะถ้าวันหนึ่งคุณลองเดินมาใช้ชีวิตแบบเรา คุณจะรู้ว่า ‘ความดี’ ไม่ได้วัดกันที่เงิน แต่ที่หัวใจ”
🪶 สรุป: ดราม่านี้มากกว่าความขัดแย้ง – มันคือเสียงสะท้อนของ “คนตัวเล็กในโลกโลกาภิวัตน์”
กรณี “สาวเขมรซัดกลับสื่อโสมขาว” ไม่ใช่เพียงดราม่าชั่วคราวในโซเชียล แต่เป็นภาพสะท้อนของความไม่เท่าเทียมในโลกยุคโลกาภิวัตน์ ที่ประเทศเล็ก ๆ มักถูกมองข้ามหรือถูกเหมารวมเมื่อเกิดปัญหา
เธอเพียงคนเดียวอาจไม่สามารถเปลี่ยนทัศนคติของคนทั้งประเทศได้ แต่เสียงของเธอกำลังกลายเป็น “เสียงของคนเล็ก ๆ” ที่กล้าพูดแทนคนอีกนับล้านซึ่งไม่มีพื้นที่จะพูด
และบางที…เสียงที่เต็มไปด้วยความจริงใจเช่นนี้ อาจจะดังกว่าข่าวในโทรทัศน์ที่เต็มไปด้วยอคติด้วยซ้ำ






















