โลกถึงจุดเปลี่ยนแล้ว หลังแนวปะการังล่มสลายกว่า 80%
เมื่อตะกี้นี้ ดิฉันได้อ่านบทความหนึ่งซึ่งน่าสนใจและน่าตกใจมากค่ะ
ที่มาข้อมูล : Reuters
เนื้อหาพูดถึงเรื่อง “แนวปะการังของโลกกำลังล่มสลาย” ซึ่งนักวิทยาศาสตร์จากทั่วโลกกว่า 160 คนออกมาเตือนว่า นี่อาจเป็น “จุดเปลี่ยนของระบบภูมิอากาศโลก” ที่ไม่สามารถย้อนกลับได้อีกแล้ว
ดิฉันอ่านแล้วรู้สึกใจหายมาก เพราะแนวปะการังถือเป็นหัวใจของระบบนิเวศในทะเล เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลมากมาย และยังช่วยลดความรุนแรงของคลื่นพายุให้กับชายฝั่งอีกด้วย แต่ตอนนี้แนวปะการังทั่วโลกกว่า 80% กำลังล่มสลาย จากภาวะโลกร้อนที่ทำให้น้ำทะเลร้อนขึ้นจนเกิด “การฟอกขาว” อย่างรุนแรงที่สุดในประวัติการณ์
นักวิทยาศาสตร์เตือนว่า หากยังปล่อยให้ภาวะโลกร้อนดำเนินต่อไป แนวปะการังในแบบที่เรารู้จักกันอาจสูญสิ้นไปจากโลกนี้ในช่วงชีวิตของพวกเราเอง และสิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อทั้งสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และอาหารของมนุษย์ทั่วโลก
นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่า โลกกำลังจะทะลุขีดจำกัดอุณหภูมิที่ 1.5 องศาเซลเซียสเหนือระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม ซึ่งจะนำไปสู่ “จุดเปลี่ยน” อื่น ๆ เช่น การล่มสลายของกระแสน้ำอุ่นในมหาสมุทรแอตแลนติก หรือการละลายของน้ำแข็งขั้วโลก ซึ่งอาจทำให้โลกบางส่วนหนาวจัด ในขณะที่อีกบางส่วนกลับร้อนระอุยิ่งกว่าเดิม
อ่านแล้วก็รู้สึกว่า โลกเรากำลังเปราะบางกว่าที่คิดจริง ๆ ค่ะ มนุษย์เราพัฒนาเทคโนโลยีมามากมาย แต่กลับทำร้ายธรรมชาติอย่างไม่รู้ตัว จนตอนนี้ธรรมชาติกำลังส่งสัญญาณเตือนครั้งใหญ่ให้เรารู้ว่า “ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตแล้ว”
ดิฉันเห็นว่ารายงานนี้ไม่ได้มีแต่ข่าวร้ายเสียทีเดียว ยังมีความหวังอยู่บ้าง เช่น การเติบโตของพลังงานสะอาด รถยนต์ไฟฟ้า และเทคโนโลยีที่ช่วยลดมลพิษ ซึ่งถ้าทุกประเทศร่วมมือกันจริงจัง โลกเราก็อาจฟื้นกลับมาได้ในอนาคต
ฝากไว้เป็นข้อคิดเล็ก ๆ ค่ะ
บางทีการเริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ อย่างการลดการใช้พลาสติก การประหยัดพลังงาน หรือการปลูกต้นไม้เพิ่ม อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยโลกใบนี้ได้ แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม





















