เฉียบ! ผู้นำ-ส.ส.เกาหลี เตือนชัด หากกัมพูชาไม่ปล่อยตัวประกัน 80 คน “เราไม่ยอมเฉย” — พิจารณามาตรการจนถึงทางทหารหากไม่มีความคืบหน้า
(15 ต.ค. 2568) — เหตุการณ์ที่ชาวเกาหลีใต้ราว 80 คนยังไม่ได้รับการยืนยันความปลอดภัยหลังเดินทางเข้ากัมพูชา ทำให้ผู้นำระดับสูงของเกาหลีใต้และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรออกมาแสดงท่าทีแข็งกร้าวร่วมกัน โดยยืนยันว่าเกาหลีใต้จะไม่ยอมเฉยหากรัฐบาลพนมเปญไม่เร่งดำเนินการปล่อยหรือยืนยันสภาพความปลอดภัยของพลเมืองเกาหลีเหล่านี้.
ประเด็นดังกล่าวปะทุต่อเนื่องจากรายงานของกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ที่ระบุว่า ในช่วงมกราคม–สิงหาคมปีนี้ มีชาวเกาหลีใต้หลายร้อยคนเกี่ยวข้องกับคดีหลอกลวงทางออนไลน์หรือถูกควบคุมตัวในกัมพูชา โดยยังมีประมาณ 80 คนที่ความปลอดภัยยังไม่สามารถยืนยันได้ ซึ่งสร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงในวงกว้างทั้งในรัฐบาลและสังคมเกาหลีใต้.
สำนักข่าวและทำเนียบรัฐบาลเกาหลีใต้รายงานว่า ประธานาธิบดีและหัวหน้าคณะบริหารได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมใช้มาตรการทุกช่องทางในการคุ้มครองพลเมือง รวมถึงการส่งทีมเฉพาะกิจร่วมปฏิบัติการกับหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อไล่ติดตามและช่วยเหลือผู้ตกเป็นเหยื่อของแก๊งฉ้อฉลที่ใช้กัมพูชาเป็นฐานปฏิบัติการ.
ด้าน ส.ส. และกลุ่มสมาชิกสภาซึ่งโกรธแค้นต่อกรณีนักศึกษาชาวเกาหลีที่ถูกทรมานจนเสียชีวิตในคดีฉ้อฉล ได้ออกมาตรการกดดันอย่างรุนแรง บางคนถึงกับเรียกร้องให้กัมพูชาดำเนินโทษขั้นรุนแรงแก่ผู้กระทำผิด และเตือนว่าหากพนมเปญ “นิ่งเฉย” ต่อการคุ้มครองพลเมืองเกาหลีใต้ เกาหลีใต้จำเป็นต้องพิจารณามาตรการที่รุนแรงขึ้น ซึ่งรวมถึงการใช้ตัวเลือกทางทหารในกรณีที่เป็นไปได้และเมื่อทุกช่องทางทางการทูตล้มเหลว — คำเตือนที่สะท้อนความโกรธและความเร่งด่วนในสภา.
นักวิเคราะห์มองว่าแม้คำพูดจากผู้นำและ ส.ส. จะสะท้อนความโกรธแค้นของสังคมเกาหลี แต่การใช้มาตรการทางทหารในต่างประเทศเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และอาจยกระดับเป็นวิกฤตความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หากเกาหลีใต้จะก้าวไปถึงขั้นนั้น จะต้องคำนึงถึงความชอบธรรมระหว่างประเทศ การยอมรับของพันธมิตร และความเสี่ยงที่อาจลุกลามเป็นความรุนแรงภูมิภาค ทั้งยังอาจกระทบต่อพลเรือนและเส้นทางการทูตที่ยังพยายามเคลียร์ปมคดีอย่างต่อเนื่อง.
ขณะเดียวกัน รัฐบาลกัมพูชายังไม่ได้ออกแถลงการณ์สาธารณะในเชิงรับผิดชอบโดยตรงต่อข้อเรียกร้องทั้งหมด แม้บางหน่วยงานของกัมพูชาจะชี้แจงว่ากำลังตรวจสอบข้อมูลและประสานงานกับเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้แล้ว ทำให้ความตึงเครียดยังคลุ้งอยู่ระหว่างสองประเทศและต้องจับตามองว่าพนมเปญจะตอบสนองอย่างไรต่อแรงกดดันจากโซล.
ผลกระทบที่น่าจับตามอง
หากปัญหาไม่คลี่คลาย สถานการณ์อาจลากยาวเป็นปัญหาด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ ส่งผลต่อนักท่องเที่ยว การลงทุน และความสัมพันธ์ทางการทูตในภูมิภาค.
ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลเกาหลีใต้อาจกระตุ้นให้ชาติพันธมิตรและองค์กรระหว่างประเทศเข้ามามีบทบาทในการกดดันหรือเป็นคนกลางไกล่เกลี่ย.
สถานการณ์คนเกาหลีที่ยังไม่ได้รับการยืนยันความปลอดภัยในกัมพูชายังคงเป็นไฟชนวนที่อาจลุกลามเป็นปัญหาเชิงยุทธศาสตร์ หากทั้งสองฝ่ายไม่หาทางแก้ไขด้วยความร่วมมือและความโปร่งใส ความเป็นไปได้ของการยกระดับมาตรการ — แม้เพียงคำเตือนจากผู้นำและ ส.ส. — ก็เพียงพอจะทำให้ภูมิภาคต้องจับตาอย่างใกล้ชิด.
ต้องการให้ผมขยายความในส่วนใดอีกไหมครับ เช่น เพิ่มพฤติการณ์แก๊งฉ้อฉลในกัมพูชา ประวัติการร้องเรียนของชาวเกาหลี หรือข้อกฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง?





















