สหรัฐฯ ฟ้องยึดทรัพย์ประธาน “Prince Group” กว่า 4.9 แสนล้านบาท ฐานเปิดศูนย์หลอกลวงในกัมพูชา – ใช้แรงงานบังคับ-โกงเงินดิจิทัล เหยื่อกระจายทั่วโลก
สหรัฐฯ ฟ้องยึดทรัพย์ประธาน “Prince Group” กว่า 4.9 แสนล้านบาท ฐานเปิดศูนย์หลอกลวงในกัมพูชา – ใช้แรงงานบังคับ-โกงเงินดิจิทัล เหยื่อกระจายทั่วโลก
(15 ต.ค. 2568) – กระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกา (DOJ) ออกแถลงการณ์ฟ้องร้องและดำเนินคดียึดทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลจาก นายเฉิน จื้อซาน (Chen Zhi Shan) หรือที่รู้จักกันในชื่อ เฉิน จื้อ (Chen Zhi) ประธานเครือบริษัท Prince Group ซึ่งเป็นกลุ่มทุนรายใหญ่ในกัมพูชา หลังพบพัวพันขบวนการฉ้อโกงทางออนไลน์และการค้ามนุษย์ข้ามชาติ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินที่สหรัฐฯ เตรียมยึดรวมกว่า 13,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 4.9 แสนล้านบาท
ตามรายงานของ DOJ ระบุว่า เครือข่ายของ Chen Zhi ถูกกล่าวหาว่าใช้โครงการลงทุนและศูนย์เทคโนโลยีในกัมพูชาเป็น “ฉากบังหน้า” เพื่อดำเนินธุรกิจผิดกฎหมาย ทั้งในรูปแบบ “ศูนย์หลอกลวงออนไลน์ (scam compounds)” ซึ่งมีการบังคับแรงงานต่างชาติให้ทำงานเป็นมิจฉาชีพออนไลน์ หลอกลวงเหยื่อในหลายประเทศทั่วโลก ทั้งในเอเชีย ยุโรป และสหรัฐฯ
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เปิดเผยว่า การสืบสวนใช้เวลานานกว่า 2 ปี โดยอาศัยข้อมูลจากเหยื่อที่รอดชีวิตและองค์กรสิทธิมนุษยชน พบหลักฐานว่ามีแรงงานจำนวนมากถูกล่อลวงให้มาทำงานที่เมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา ก่อนถูกยึดพาสปอร์ต กักขัง ทุบตี และบังคับให้ทำงานหลอกลวงทางออนไลน์ เช่น การลงทุนปลอม, เว็บเทรดคริปโต, และแชร์ลูกโซ่ดิจิทัล
นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังอ้างว่ามีการเคลื่อนย้ายเงินที่ได้จากการฉ้อโกงเข้าสู่กระเป๋าเงินดิจิทัลหลายร้อยบัญชีทั่วโลก โดยใช้บิตคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลอื่นเป็นช่องทางฟอกเงิน ซึ่งทั้งหมดถูกติดตามและตรวจยึดไว้ได้บางส่วนแล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังร่วมมือกับหน่วยงานต่างประเทศ รวมถึงสิงคโปร์ ฮ่องกง และยุโรป เพื่อติดตามทรัพย์สินที่เหลือ
โฆษกกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ระบุว่า
“นี่คือการยึดทรัพย์สินในรูปแบบคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ และเป็นสัญญาณเตือนต่อทุกประเทศที่ปล่อยให้ศูนย์หลอกลวงดำเนินการอย่างเสรีบนแผ่นดินของตน”
ด้านรัฐบาลกัมพูชา ยังไม่มีการออกแถลงการณ์ตอบโต้หรือชี้แจงใด ๆ ต่อกรณีดังกล่าว แม้ชื่อของ Prince Group จะเป็นหนึ่งในกลุ่มทุนใหญ่ที่มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม และธุรกิจการเงินในประเทศจำนวนมาก
นักวิเคราะห์ระบุว่า การเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ ครั้งนี้อาจส่งแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ต่อวงการลงทุนในกัมพูชา และสะท้อนถึงแรงกดดันจากนานาชาติที่ต้องการให้พนมเปญเร่งจัดการปัญหา “ศูนย์หลอกลวงและแรงงานบังคับ” ที่กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนทั่วภูมิภาค
“Prince Group เคยถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของเศรษฐกิจใหม่ในกัมพูชา แต่วันนี้ชื่อเดียวกันกลับถูกโยงเข้ากับอาชญากรรมข้ามชาติและการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง” – ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิรัฐศาสตร์กล่าวทิ้งท้าย



















