ด่วน — เกาหลีใต้ประณามกัมพูชาไม่ให้ความร่วมมือ ตำรวจเผยยื่นขอความช่วยเหลือ 20 ครั้ง ได้ตอบเพียง 6 ครั้ง ครอบครัวชาวเกาหลีเรียกร้องมาตรการเด็ดขาด
ด่วน — เกาหลีใต้ประณามกัมพูชาไม่ให้ความร่วมมือ ตำรวจเผยยื่นขอความช่วยเหลือ 20 ครั้ง ได้ตอบเพียง 6 ครั้ง ครอบครัวชาวเกาหลีเรียกร้องมาตรการเด็ดขาด
โซล — กระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีใต้แถลงอย่างไม่พอใจต่อทางการกัมพูชา โดยชี้แจงว่าการสืบสวนคดีที่เกี่ยวข้องกับพลเมืองเกาหลีใต้ซึ่งถูกล่อลวง ถูกกักขัง และบางรายถึงขั้นเสียชีวิตในกัมพูชา ยังเผชิญปัญหาการขาดความร่วมมือจากหน่วยงานท้องถิ่นอย่างร้ายแรง
ตามข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะ เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ระบุว่าในช่วงต้นปีจนถึงปัจจุบัน ตำรวจเกาหลีได้ยื่นคำร้องขอความร่วมมือผ่านองค์การตำรวจสากล (Interpol) ไปยังกัมพูชาทั้งสิ้น 20 ครั้ง แต่ได้รับการตอบกลับเพียง 6 ครั้งเท่านั้น ซึ่งรัฐบาลโสมขาวมองว่าเป็นระดับการตอบสนองที่ไม่เพียงพอและ “ไม่เป็นที่ยอมรับ” ในภาวะที่ชีวิตพลเมืองกำลังถูกคุกคาม.
รักษาการผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยู แจซอง ยอมรับด้วยตัวเองว่าความร่วมมือระหว่างหน่วยงานตำรวจของเกาหลีใต้กับกรมตำรวจของกัมพูชา “ไม่ราบรื่นเท่ากับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค” และเรียกร้องให้มีการประสานงานที่จริงจังและเร็วขึ้นเพื่อสืบสวนคดีที่มีการเสียชีวิตและการกักขังพลเมืองของเรา.
เหตุบาดหมางทวีความรุนแรงขึ้นหลังเหตุการณ์นักศึกษาชายชาวเกาหลีถูกล่อลวงไปกัมพูชาและพบว่าเสียชีวิตด้วยร่องรอยการทรมาน กระแสสังคมเกาหลีใต้โกรธแค้นอย่างหนักและกดดันรัฐบาลให้ใช้มาตรการทุกช่องทางเพื่อคุ้มครองพลเมือง ขณะเดียวกันรัฐบาลกรุงโซลกำลังพิจารณาทางเลือกทั้งด้านการทูต การบังคับใช้กฎหมายระดับนานาชาติ และการส่งเจ้าหน้าที่พิเศษหรือทีมตำรวจไปช่วยประสานงานในพื้นที่.
ตัวเลขที่สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างของคดีระหว่างประเทศนี้ทำให้เกิดความกังวลมากขึ้น: กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีระบุว่าตั้งแต่ต้นปีถึงสิงหาคม มีคำร้องเรียนจากผู้ที่ถูกหลอกให้ไปทำงานและถูกกักขังถึงกว่า 300 กรณี ขณะที่ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา มีการส่งตัวผู้ต้องหา (extradition/repatriation) กลับจากกัมพูชาไปยังเกาหลีใต้รวม 147 คน โดยปี 2024 เพียงปีเดียวมีผู้ถูกส่งกลับ 48 คน และในช่วงเดือนมกราคม–สิงหาคมของปีนี้มีการส่งกลับแล้ว 33 คน — ข้อมูลเหล่านี้ถูกนำมาอ้างเมื่อเป็นประเด็นต่อรัฐสภาและสื่อมวลชน.
เบื้องต้น รัฐบาลโซลได้ดำเนินการหลายทางพร้อมกัน ได้แก่ การยกระดับคำเตือนการเดินทางไปยังบางพื้นที่ในกัมพูชา การเรียกตัวทูตกัมพูชาเข้าพบเพื่อตำหนิกระบวนการสืบสวน และการเสนอให้ตั้ง “Korean Desk” ภายในหน่วยงานตำรวจท้องถิ่นของกัมพูชาเพื่อให้เจ้าหน้าที่เกาหลีสามารถประสานงานและติดตามคดีได้รวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้มีการวางแผนส่งผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชและผู้สืบสวนไปทำงานร่วมในการชันสูตรศพและรวบรวมหลักฐาน.
ความตึงเครียดทางการเมืองขยายวงกว้าง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสมาชิกบางกลุ่มในเกาหลีใต้เรียกร้องให้พิจารณามาตรการคว่ำบาตรต่อกัมพูชา หรือการลงโทษที่เข้มงวดขึ้น หากพนมเปญยังเพิกเฉยต่อความพยายามร่วมสืบสวนของเกาหลีใต้ แนวโน้มดังกล่าวยังรวมถึงการพูดถึงมาตรการ “ให้หนักขึ้น” ซึ่งรัฐบาลแจ้งว่าจะพิจารณาเป็นไปตามสถานการณ์และหลักปฏิบัติระหว่างประเทศ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการประกาศมาตรการทางทหารอย่างเป็นทางการ.
ด้านสิทธิมนุษยชนและองค์การต่างประเทศชี้ว่าปัญหานี้เชื่อมโยงกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติที่จัดตั้งค่ายหลอกลวงและค่ายบังคับแรงงานในกัมพูชา ซึ่งมีรายงานว่าองค์ประกอบขององค์กรอาชญากรบางกลุ่มอาจมีความเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ทำให้การสืบสวนและการบังคับใช้กฎหมายมีความซับซ้อนขึ้นอย่างมาก และจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างจริงจังเพื่อยุติการกระทำทารุณนี้.
สถานการณ์ต่อจากนี้ รัฐบาลเกาหลีใต้ระบุว่าจะเดินหน้าทั้งในเชิงการทูตและการบังคับใช้กฎหมาย โดยเร่งกระบวนการนำผู้เสียหายกลับประเทศ และผลักดันให้กัมพูชาตอบสนองต่อคำร้องขอความร่วมมือมากขึ้น ขณะเดียวกันขอให้พลเมืองระมัดระวังการตอบรับข้อเสนอทำงานจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือและแจ้งสถานทูตก่อนการเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยง.





















