สมาชิกรัฐสภาเกาหลีใต้ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านร่วมกันแสดงจุดยืนแข็งกร้าว หลังเกิดความไม่พอใจอย่างหนักในสังคมต่อเหตุลักพาตัวและค้ามนุษย์ชาวเกาหลีใต้ในกัมพูชา
สมาชิกรัฐสภาเกาหลีใต้ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านต่างออกมาแสดงจุดยืนร่วมกันอย่างแข็งกร้าว หลังเกิดกระแสความไม่พอใจอย่างรุนแรงในสังคมเกาหลีใต้ต่อเหตุลักพาตัวและการค้ามนุษย์ที่เกิดขึ้นกับชาวเกาหลีใต้ในประเทศกัมพูชา
โดยจำนวนผู้ตกเป็นเหยื่อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จนกลายเป็นประเด็นร้อนที่สร้างแรงกดดันให้รัฐบาลกรุงโซลต้องเร่งหาทางตอบโต้
จากรายงานของสื่อท้องถิ่น เกาหลีใต้พบว่ามีประชาชนของตนถูกล่อลวงให้เดินทางไปทำงานในกัมพูชาโดยถูกหลอกว่าจะได้ค่าจ้างสูง แต่กลับถูกบังคับใช้แรงงาน ทรมาน และบางรายถึงขั้นเสียชีวิต ความรุนแรงเหล่านี้ทำให้สมาชิกรัฐสภาทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่ารัฐบาลจำเป็นต้องยกระดับมาตรการรับมืออย่างเร่งด่วน โดยบางฝ่ายเสนอแนวคิดให้เกาหลีใต้ส่งกำลังทหารเข้าช่วยเหลือหรือร่วมปราบปรามแก๊งอาชญากรรมในพื้นที่ เพื่อปกป้องพลเมืองของตน
ฝ่ายฝ่ายค้านได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า การลักพาตัวนักท่องเที่ยวและแรงงานเกาหลีใต้ในกัมพูชานั้น “ไม่ใช่เหตุการณ์เล็กน้อย” แต่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลหยุดการทูตแบบประนีประนอมและหันมาใช้มาตรการเด็ดขาด รวมถึงการกดดันทางเศรษฐกิจต่อรัฐบาลพนมเปญ หากยังไม่สามารถจัดการปัญหาแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติได้
ขณะเดียวกัน ฝ่ายรัฐบาลเองก็ไม่อาจนิ่งเฉย มีสมาชิกรัฐสภาหลายคนเสนอแนวทางให้กระทรวงกลาโหมและกระทรวงการต่างประเทศร่วมกันวางแผนปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชนเกาหลีใต้ในต่างแดน พร้อมเสนอให้จัดตั้ง “ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ” เพื่อรวบรวมข่าวกรองและติดตามความเคลื่อนไหวของเครือข่ายอาชญากรรมในกัมพูชา โดยมีเป้าหมายหลักคือป้องกันไม่ให้ชาวเกาหลีตกเป็นเหยื่อเพิ่มเติม
เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความตึงเครียดทางการทูตที่เริ่มขยายวงระหว่างกรุงโซลและพนมเปญ ซึ่งก่อนหน้านี้เกาหลีใต้ได้ออกประกาศเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปกัมพูชา โดยจัดอยู่ในระดับเตือนภัยขั้น 2 คือ “เพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ” เนื่องจากมีรายงานว่าแก๊งค้ามนุษย์และองค์กรอาชญากรรมในพื้นที่ยังคงเคลื่อนไหวอย่างอิสระ
ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงระบุว่า หากเกาหลีใต้เลือกใช้มาตรการทางทหารจริง จะถือเป็นก้าวที่เสี่ยงต่อการสร้างความขัดแย้งระหว่างประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากอาจกระทบต่ออธิปไตยของกัมพูชาและทำให้ภูมิภาคเกิดความไม่มั่นคง อย่างไรก็ตาม เสียงเรียกร้องภายในประเทศที่ต้องการเห็นรัฐบาลปกป้องพลเมืองอย่างเด็ดขาดกลับทวีความรุนแรงมากขึ้น
ในเวลานี้ รัฐบาลเกาหลีใต้ยังอยู่ระหว่างการหารือกับหน่วยงานด้านความมั่นคงและกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสม โดยย้ำว่าทุกมาตรการต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศและการเคารพในอธิปไตยของประเทศเพื่อนบ้าน แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องคุ้มครองชีวิตประชาชนเกาหลีใต้ให้ปลอดภัยสูงสุด
เหตุลักพาตัวในกัมพูชาได้กลายเป็นประเด็นที่กระตุ้นให้เกาหลีใต้เริ่มทบทวนนโยบายต่างประเทศในภูมิภาคอินโดจีนอีกครั้ง ว่าจะยังคงเดินหน้าแนวทางความร่วมมือทางเศรษฐกิจต่อไป หรือจะปรับสู่ท่าทีแข็งกร้าวเพื่อป้องกันภัยต่อพลเมืองของตน การตัดสินใจของรัฐบาลเกาหลีใต้ในช่วงนี้จึงไม่เพียงเป็นบททดสอบด้านความมั่นคง แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของทิศทางการทูตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย






















