เกาหลีใต้ประกาศเตือนพิเศษ งดเดินทางเข้า “พนมเปญ” หลังคดีหลอกลวง-กักขังชาวเกาหลีในกัมพูชาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
กระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีใต้ได้ออกคำเตือนพิเศษเกี่ยวกับการเดินทางไปยังกัมพูชา หลังจากสถานการณ์อาชญากรรมที่มุ่งเป้าไปยังชาวเกาหลีมีแนวโน้มรุนแรงและเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกรุงพนมเปญ เมืองหลวงของประเทศ ซึ่งถูกยกระดับคำเตือนจากระดับ 2 “แนะนำให้หลีกเลี่ยงการเดินทาง” ขึ้นเป็น “คำเตือนพิเศษ” ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 21.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของเกาหลีใต้ ในวันที่ 10 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป ขณะที่พื้นที่อื่น ๆ ของกัมพูชาที่เคยมีคำเตือนมาก่อนหน้านี้ ยังคงอยู่ภายใต้มาตรการเตือนเช่นเดิมโดยไม่เปลี่ยนแปลง
สาเหตุของการประกาศเตือนในครั้งนี้มาจากจำนวนคดีลักพาตัว กักขัง และหลอกลวงแรงงานชาวเกาหลีในกัมพูชาที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ จากข้อมูลของเจ้าหน้าที่พบว่า เมื่อสามปีก่อน มีรายงานคดีลักพาตัวชาวเกาหลีเพียงปีละประมาณสิบคดีเท่านั้น แต่ในปีที่แล้วตัวเลขดังกล่าวพุ่งสูงขึ้นถึง 220 คดี และในปีนี้เพียงแค่ช่วงเดือนสิงหาคม ตัวเลขก็ทะลุเกิน 330 คดีไปแล้ว ซึ่งถือเป็นสัญญาณอันตรายที่รัฐบาลเกาหลีใต้ไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกต่อไป
เหยื่อส่วนใหญ่ของคดีเหล่านี้มักเป็นผู้ที่หลงเชื่อโฆษณาการจ้างงานต่างประเทศที่ปรากฏอยู่ทั่วไปในสื่อออนไลน์ โดยเฉพาะโพสต์ที่ให้ผลตอบแทนสูงเกินจริง เมื่อเดินทางไปถึงกัมพูชา พวกเขากลับถูกยึดหนังสือเดินทาง กักขัง และถูกบังคับให้ทำงานในกิจการผิดกฎหมาย เช่น คอลเซ็นเตอร์หลอกลวงทางออนไลน์ หรือขบวนการฉ้อโกงข้ามชาติ บางรายถูกทำร้ายร่างกายเพื่อบีบบังคับให้ทำงานตามคำสั่งของกลุ่มอาชญากรเหล่านี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สถานการณ์ยิ่งทวีความน่ากังวลมากขึ้น เมื่อสื่อเกาหลีใต้รายงานภาพถ่ายที่แพร่กระจายบนโลกออนไลน์เมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา ภาพนั้นเผยให้เห็นหนังสือเดินทางจำนวนมากถูกทิ้งอยู่ในถังขยะในพื้นที่แห่งหนึ่งของกัมพูชา ภายในนั้นไม่เพียงมีพาสปอร์ตของชาวเกาหลี แต่ยังพบของประเทศไทย ไต้หวัน และประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปะปนอยู่ด้วย ภาพดังกล่าวกลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ ชาวเกาหลีจำนวนมากแสดงความตื่นตระหนกและตั้งคำถามว่าแท้จริงแล้วมีกี่ชีวิตที่ตกอยู่ในเงื้อมมือของเครือข่ายอาชญากรรมเหล่านี้
กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ได้ออกมาเน้นย้ำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงทุกแห่งของกัมพูชา โดยเฉพาะกรุงพนมเปญ และขอให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศดังกล่าวติดต่อกับสถานทูตเกาหลีใกล้เคียงทันที หากรู้สึกไม่ปลอดภัยหรือได้รับข้อเสนอการทำงานที่น่าสงสัย รัฐบาลยังอยู่ระหว่างการประสานงานกับทางการกัมพูชาเพื่อเร่งช่วยเหลือผู้ที่ตกเป็นเหยื่อและปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เหล่านี้
นอกจากเกาหลีใต้แล้ว หลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงไทยและไต้หวัน ต่างเริ่มออกคำเตือนในลักษณะเดียวกัน หลังพบว่ามีพลเมืองของตนตกเป็นเหยื่อจากการหลอกลวงการจ้างงานจำนวนมาก ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงระบุว่า เครือข่ายอาชญากรรมในภูมิภาคนี้มักใช้ช่องทางออนไลน์เป็นเครื่องมือในการหลอกลวง โดยอาศัยความฝันของผู้คนที่ต้องการหางานรายได้ดีในต่างประเทศเป็นเหยื่อล่อ
ท่ามกลางยุคที่การสื่อสารไร้พรมแดนและโอกาสในโลกออนไลน์ดูจะเปิดกว้างมากกว่าที่เคย แต่เบื้องหลังกลับแฝงไว้ด้วยอันตรายที่อาจเปลี่ยนชีวิตของใครบางคนไปตลอดกาล เหตุการณ์ในกัมพูชากลายเป็นคำเตือนอันชัดเจนว่า “สิ่งที่ดูดีเกินจริงในโลกออนไลน์ มักซ่อนกับดักอันโหดร้ายไว้เสมอ” การเดินทางที่ปลอดภัยจึงเริ่มต้นจากการตรวจสอบข้อมูลอย่างรอบคอบ และไม่ยอมให้ความโลภหรือความฝันบดบังความระมัดระวังของเราเอง เพราะในบางครั้ง...เพียงคลิกเดียวอาจหมายถึงเส้นแบ่งระหว่างอิสรภาพกับการตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมที่ไม่มีทางหวนกลับ.
ภาพประกอบจากภาพของสื่อหลายสื่อของเกาหลึใต้ในตอนนี้




















