เฉลยแล้ว! เทคนิคโบราณ การขนย้ายรูปสลักโมอาย 4.35 ตัน ด้วยพลังคนและเชือก
ปริศนาการขนย้ายรูปสลักหินโมอายขนาดมหึมานับร้อยตัวบนเกาะอีสเตอร์ (Rapa Nui) เป็นหนึ่งในคำถามที่สร้างความฉงนในแวดวงโบราณคดีมาอย่างยาวนาน อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าความลึกลับนี้กำลังจะถูกคลี่คลายลงแล้ว ด้วยการศึกษาล่าสุดจากทีมนักวิจัยชาวอเมริกัน ที่ได้พิสูจน์ทฤษฎี "โมอายเดินได้" ผ่านแบบจำลอง 3 มิติและการทดลองจริง
ทีมนักวิจัยได้จำลองแบบและสร้างรูปสลักโมอายจำลองหนัก ตันขึ้นมา เพื่อทดสอบสมมติฐานที่ว่าชาวราปานุย (Rapa Nui) โบราณ ใช้วิธีการผูกเชือกและโยกย้ายให้รูปสลัก "เดิน" ไปข้างหน้า
ผลการทดลองอันน่าทึ่งได้ยืนยันสมมติฐานดังกล่าว โดยแสดงให้เห็นว่า เพียงแค่คน คน เท่านั้นที่สามารถใช้เชือกดึงและโยกรูปสลักโมอายจำลองน้ำหนักกว่า
ตัน ให้เคลื่อนที่แบบ "เดิน" หรือโยกไปมาได้
ในการทดลอง ทีมงานสามารถเคลื่อนย้ายโมอายจำลองนี้ได้ไกลถึง เมตร ภายในเวลาเพียง
นาที ซึ่งเป็นการพิสูจน์อย่างชัดเจนว่า เทคนิคการโยกย้ายด้วยเชือกนี้ เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและเป็นไปได้ในการเคลื่อนย้ายรูปสลักหินขนาดใหญ่เหล่านี้ไปยังจุดหมายต่างๆ ทั่วเกาะ
การค้นพบนี้ไม่เพียงแต่ช่วยไขปริศนาทางโบราณคดีที่เก่าแก่เท่านั้น แต่ยังเป็นการให้เกียรติและแสดงความเคารพต่อภูมิปัญญาและความสามารถทางวิศวกรรมของชาวราปานุยโบราณ ที่สามารถสร้างสรรค์วิธีการขนย้ายอันชาญฉลาดโดยใช้ทรัพยากรที่จำกัด และทำให้รูปสลักโมอายอันเป็นเอกลักษณ์ของเกาะอีสเตอร์สามารถ "เดิน" ไปสู่ตำแหน่งที่ตั้งปัจจุบันได้สำเร็จ






















