คดีสุดแปลก เมื่อชายวัย 70 ปล้นธนาคารเพราะอยากติดคุกหนีเมีย
เรื่องจริงสุดเหลือเชื่อเกิดขึ้นเมื่อปี 2016 ที่เมืองแคนซัสซิตี้ รัฐมิสซูรี สหรัฐอเมริกา เมื่อ ลอว์เรนซ์ จอห์น ริปเปิล (Lawrence John Ripple) ชายวัย 70 ปี ตัดสินใจ “ปล้นธนาคาร” ไม่ใช่เพราะต้องการเงิน แต่เพราะเขา “อยากเข้าคุก”
ก่อนเกิดเหตุ ลอว์เรนซ์เพิ่งทะเลาะกับภรรยาอย่างรุนแรง ความไม่พอใจสะสมยาวนานทำให้เขาตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด เขาเขียนโน้ตสั้น ๆ ว่า
> “ฉันยอมอยู่ในคุก ดีกว่ากลับบ้านไปอยู่กับเธอ”
จากนั้น เขาเดินไปที่ Bank of Labor ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีตำรวจเพียงไม่กี่ก้าว ยื่นกระดาษอีกใบให้พนักงานธนาคาร ซึ่งมีข้อความว่า
> “ผมมีปืน ส่งเงินมา”
พนักงานตกใจและรีบส่งเงินเกือบ 3,000 ดอลลาร์ ให้โดยไม่ขัดขืน แต่แทนที่ลอว์เรนซ์จะหนีเหมือนโจรทั่วไป เขากลับ นั่งลงอย่างใจเย็นในล็อบบี้ธนาคาร รอเจ้าหน้าที่มาจับ พร้อมพูดอย่างภาคภูมิว่า
> “ผมนี่แหละ คนที่คุณกำลังตามหา”
เขาได้สิ่งที่ต้องการ — ถูกจับและส่งตัวไปยังเรือนจำ Leavenworth Federal Detention Center อย่างสงบ
แต่เมื่อคดีเข้าสู่ศาล ความจริงอันน่าเศร้าถูกเปิดเผยว่า ลอว์เรนซ์ไม่ได้ปล้นเพราะโลภ เขากำลังเผชิญกับ ภาวะซึมเศร้า หลังผ่าตัดหัวใจในปี 2015 การทะเลาะกับภรรยาในวันนั้นคือ “ฟางเส้นสุดท้าย” ที่ทำให้เขาเลือกหนีจากชีวิตที่ทนไม่ไหว
ทนายของเขาชี้ให้เห็นว่า ลอว์เรนซ์เป็นพลเมืองดี ไม่มีประวัติอาชญากรรม และเพียงแค่ต้องการ “ที่หลบพักใจ” จากปัญหาชีวิต ศาลจึงตัดสิน ไม่ให้จำคุก ด้วยความเห็นใจ
บทสรุปจึงกลายเป็นเรื่องตลกร้าย — ชายที่ปล้นธนาคารเพื่อจะได้ติดคุก กลับถูกกักบริเวณอยู่บ้าน เป็นเวลา 6 เดือน ภายใต้การคุมประพฤติ 3 ปี บำเพ็ญประโยชน์ 50 ชั่วโมง และต้องชดใช้เงินให้ธนาคาร 227.27 ดอลลาร์
นั่นหมายความว่า สุดท้ายแล้ว ลอว์เรนซ์ต้องกลับไปอยู่บ้านหลังเดิมกับภรรยาคนเดิม ที่เขาพยายามหนีให้พ้น
เรื่องนี้กลายเป็นหนึ่งในคดีที่ทั้งเศร้าและขำที่สุดในประวัติศาสตร์อาชญากรรม เพราะมันสะท้อนให้เห็นว่า บางครั้งความสิ้นหวังของมนุษย์ อาจผลักให้คนดีทำในสิ่งที่ผิด เพียงเพราะอยากหนีจากชีวิตที่เจ็บปวด.

















