แรงงานกัมพูชาอย่างน้อย 2,700 คน ตกงาน
สำหรับวันนี้มาติดตามเรื่องราวของเพจ Facebook ชื่อดังที่มีชื่อเพลงว่า Army Military Force ที่ล่าสุดจะได้มีการออกมาโพสต์ข้อความผ่าน facebook ที่ระบุแคปชั่นเอาไว้ดังนี้
แรงงานกัมพูชาอย่างน้อย 2,700 คน ในนั้นรวมถึงสมาชิกสหภาพแรงงาน ณ โรงงานเสื้อผ้าและรองเท้าแห่งหนึ่ง ในจังหวัดกำปงจาม จะตกงานในเดือนธันวาคม หลังบริษัทอ้างอิงยอดคำสั่งซื้อที่ลดลงจากพวกผู้ซื้อสหรัฐฯ สำหรับปลดพนักงานเหล่านั้น
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางคำถามที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ว่ามาตรการรีดภาษีของสหรัฐฯเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดการปลดคนงานหรือไม่ พวกแรงงานหวั่นเกรงถึงผลกระทบที่มีต่อตลาดงานอันเปราะบางของกัมพูชา ขณะที่กลุ่มประชาคมทั้งหลายพากันพินิจพิเคราะห์กรณีที่เกิดขึ้น เพื่อรับประกันว่าโรงงานแห่งนี้จะยึดถือสิทธิแรงงาน
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงกลางปี ได้เกิดการประท้วงของแรงงานหลายร้อยคนมาแล้ว ณ โรงงานดังกล่าว ท่ามกลางคำกล่าวหาว่าเพื่อนร่วมงานของพวกเขาถูกปลดจากงาน โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้าอย่างเหมาะสม
รายงานข่าวระบุว่า LECROWN Shoes Industry ที่มีชาวไต้หวันเป็นเจ้าของและเป็นซัพพลายเออร์ของแบรนด์ชื่อดังหลายเจ้าของสหรัฐฯ ในนั้นรวมถึง Vans, The North Face และ Dickies กำลังดำเนินการปรับลดปฏิบัติการอย่างค่อยเป็นค่อยไป และมีแผนยุติสัญญาการจ้างงานแรงงานราวๆ 2,700 คนในวันที่ 10 ธันวาคม อ้างอิงประกาศลงวันที่ 8 ตุลาคม ที่ทาง cambojanews ได้มาจากพนักงานรายหนึ่ง
ในประกาศแจ้งว่าจะมีการจ่ายค่าจ้าง ในนั้นรวมถึงเงินชดเชยตามอายุงาน และสิทธิประโยชน์ต่างๆ จนกว่าจะยุติสัญญา ในขณะที่พวกแรงงานที่ถูกปลดเปิดเผยว่าพวกเขาได้รับเงินชดเชย 7 วัน, เงินเดือนงวดสุดท้าย และค่าจ้าง 8 วัน ตามกรอบของกฎหมายแรงงานกัมพูชา
ก่อนหน้านี้มีแรงงานกว่า 800 คน บอกว่าพวกเขาถูกยกเลิกสัญญาจ้างอย่างไม่ยุติธรรมโดย LECROWN คำกล่าวหาที่ทางบริษัทปฏิเสธ ในขณะที่ LECROWN ประกาศแผนปลดคนงานราวๆ 1 ใน 10 ของพนักงานทั้งหมดเกือบ 10,000 คน เป็นครั้งแรกในเดือนกรกฏาคม สืบเนื่องจากคำสั่งซื้อที่ลดลง
อย่างไรก็ตามพวกพนักงานที่ถูกปลด เชื่อว่าคำกล่าวอ้าง "ไม่มีคำสั่งซื้อ" เป็นเพียงข้ออ้างในการปลดพนักงานที่ทำงานมานาน เพื่อเปลี่ยนไปจ้างพนักงานใหม่ที่มีค่าแรงถูกกว่าในภายหลัง
ทาง cambojanews ระบุว่าแนวโน้มสำหรับภาคอุตสาหกรรมเสื้อผ้า รองเท้า และสินค้าสำหรับเดินทางของกัมพูชา(GFT) ยังคงมีความไม่แน่นอนเล็กน้อย หลังประเทศแห่งนี้เผชิญกับมาตรการรีดภาษีของสหรัฐฯ 49% และ 36% ตามลำดับ ในช่วงแรกเริ่มของสงครามการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก่อนในท้ายที่สุดจะได้รับการปรับลดเพดานภาษีลงมาอยู่ในระดับที่แข่งขันได้ในภูมิภาค 19% นับตั้งแต่นั้นภาคอุตสากรรม GFT ฟื้นตัวขึ้นมา แต่ทางเวิลด์แบงก์เตือนว่าในปีหน้าอาจเจองานสาหัสกว่านี้ ท่ามกลางความคาดหมายคำสั่งซื้อลดลง
สำหรับแรงงานเหล่านี้ ภาวะไร้เสถียรภาพในตลาดแรงงานของกัมพูชาได้ก่อความเสี่ยงเพิ่มเติม เนื่องจากมีแรงงานอีกหลายแสนคนที่เดินทางกลับจากไทย ตามหลังเกิดความขัดแย้งนองเลือดตามแนวชายแดน ขณะเดียวกัน 88% ของแรงงานที่มีงานทำ ยังเป็นลูกจ้างในแรงงานนอกระบบ ที่ไม่มีสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์ใดๆ ขณะที่สถานการณ์การจ้างงานในภาค GFT ก็ดูเหมือนจะตกอยู่ในภาวะล่อแหลมไม่ต่างกัน






















