หมีทำร้ายคน ญี่ปุ่นพุ่ง 6 ศพ! ผู้เชี่ยวชาญเผย "ใบหน้า" คือเป้าหมายแรกของการโจมตี
ช่วงนี้ประเทศญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับสถานการณ์หมีทำร้ายคนถี่ขึ้นอย่างน่าตกใจ โดยมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 6 ราย ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 15 ปี ไม่จำกัดเพียงในป่าเขา แต่เหตุการณ์หมีบุกรุกและทำร้ายผู้คนบนถนนก็เกิดขึ้นหลายครั้ง
ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา ณ เมืองไดเซ็น จังหวัดอาคิตะ กล้องวงจรปิดได้บันทึกภาพนาทีสุดระทึกที่หาดูได้ยาก เมื่อหมีดำตัวหนึ่งเข้าจู่โจมหญิงสูงวัยอายุ 80 กว่าปีกลางถนนอย่างไม่คาดฝัน
จากภาพที่ถูกบันทึกไว้ หมีดำตัวดังกล่าวได้เข้าทำร้ายคุณยายอย่างรวดเร็ว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญได้นำภาพนี้มาวิเคราะห์เพื่อเป็นข้อมูลในการป้องกันตัว
คุณคาซึฮิโกะ โยเนดะ ผู้อำนวยการ "สถาบันวิจัยหมีดำแห่งญี่ปุ่น" ได้วิเคราะห์ภาพดังกล่าวและตั้งข้อสังเกตว่า พฤติกรรมการโจมตีของหมีตัวนี้ดูเหมือนจะ "สับสนเล็กน้อย" เมื่อเทียบกับการโจมตีของหมีทั่วไปที่อาจจะดุดันกว่านี้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญเน้นย้ำคือ การโจมตีครั้งแรกของหมีมุ่งเป้าไปที่ "ใบหน้า" ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัย โดยปกติแล้วเมื่อหมีเข้าทำร้ายเหยื่อ มันจะเล็งเป้าที่ใบหน้า พยายามตะปบหรือข่วนเพื่อทำร้าย ก่อนจะพยายามกัดบริเวณจมูก การป้องกันใบหน้าจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเอาชีวิตรอดจากการถูกหมีโจมตี
การบุกรุกของหมีเข้ามาในพื้นที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นนี้ ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่ามีสาเหตุมาจากการที่ประชากรในพื้นที่ชนบทลดลง ทำให้พื้นที่เกษตรกรรมที่เคยเป็นเขตกันชนระหว่างหมู่บ้านกับป่าถูกปล่อยรกร้าง หญ้าขึ้นสูงและขาดแสงไฟในเวลากลางคืน หมีจึงรู้สึกปลอดภัยที่จะเข้ามาหาอาหารใกล้ชุมชนมากขึ้น ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลกระทบต่อแหล่งอาหารตามธรรมชาติของพวกมัน
นอกจากนี้ การลดลงของจำนวนพรานล่าสัตว์เนื่องจากอายุที่มากขึ้น ก็ส่งผลให้ขาดกำลังคนที่จะเข้ามาจัดการเมื่อมีหมีออกอาละวาด
เพื่อตอบโต้กับภัยคุกคามที่รุนแรงขึ้นนี้ ทางการญี่ปุ่นได้มีการผ่อนปรนกฎระเบียบอนุญาตให้พรานสามารถใช้ปืนไรเฟิลยิงหมีในเขตที่อยู่อาศัยได้อย่างเร่งด่วนมากขึ้น โดยไม่ต้องรอการอนุญาตจากตำรวจ เพื่อให้การตอบสนองต่อเหตุการณ์เป็นไปอย่างรวดเร็ว
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงการมีผู้เสียชีวิตมากถึง 6 รายในช่วงเวลาอันสั้นนี้ แสดงให้เห็นว่าปัญหาหมีบุกรุกและทำร้ายผู้คนในญี่ปุ่นได้ก้าวข้ามจากปัญหาในป่าสู่ภัยคุกคามร้ายแรงในชีวิตประจำวันของพลเมืองแล้ว และการตื่นตัว รวมถึงการเรียนรู้วิธีป้องกันตัว โดยเฉพาะการปกป้อง "ใบหน้า" เมื่อเผชิญหน้ากับหมี จึงเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนสำหรับชาวญี่ปุ่นในเวลานี้




















