ดราม่าหนัก! “มิ้นท์ อรชพร” เจอทัวร์ลงยับ ปมสาวเรียกค่าเสียหายไรเดอร์ คนดูผิดหวัง วอนรายการเปลี่ยนพิธีกร
🔥 จุดเริ่มต้นของดราม่า "รองเท้า 16,000"
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อไรเดอร์รายหนึ่งประสบอุบัติเหตุจากการลื่นล้มเพราะแอ่งน้ำระหว่างส่งของ แม้เจ้าตัวจะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่รองเท้าของลูกค้าที่อยู่ในออเดอร์กลับได้รับความเสียหาย โดยลูกค้าหญิงรายนั้นเรียกร้องให้ไรเดอร์ชดใช้เป็นจำนวนเงิน 16,000 บาท ซึ่งเป็นมูลค่าของรองเท้าแบรนด์เนมราคาแพง
หลังจากเรื่องราวถูกเผยแพร่ออกไปในโลกออนไลน์ ชาวเน็ตจำนวนมากต่างแสดงความเห็นใจต่อไรเดอร์ พร้อมวิพากษ์วิจารณ์ลูกค้าสาวว่า “ใจร้ายเกินไปหรือไม่” ที่เรียกค่าเสียหายเต็มจำนวนจากอุบัติเหตุที่ไม่มีใครตั้งใจ
ในเวลาต่อมา มีรายงานเพิ่มเติมว่า ทั้งสองฝ่ายได้มีการตกลงกัน โดยไรเดอร์ยินยอม ผ่อนชำระเป็นงวด ๆ งวดละ 2,000 บาท จำนวน 8 งวด และได้จ่ายงวดแรกไปแล้วที่สถานีตำรวจ ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่ยังคงร้อนแรงไม่หยุด
💬 ความเห็นของ "มิ้นท์ อรชพร" จุดไฟดราม่ารอบใหม่
ในรายการ ข่าวใส่ไข่ ที่ออกอากาศล่าสุด ทีมพิธีกรได้หยิบประเด็นนี้มาพูดถึงอย่างกว้างขวาง โดยพิธีกรสาว “มิ้นท์ อรชพร” ได้แสดงความคิดเห็นในลักษณะที่มองเห็นมุมของลูกค้าด้วยว่า
“สมมติว่าผู้โดยสารทุ่มเงินเก็บทั้งหมดเพื่อจะซื้อรองเท้าคู่นี้ เงินเก็บที่เก็บมาหลายเดือน แล้วเพิ่งซื้อมา มันเลอะหรือเสียหายแบบนี้ เขาก็อาจจะอยากได้ค่าชดใช้ เพราะต่อให้ซ่อมแล้ว หนังมันกลอก มูลค่ามันก็ลดลง ถ้าเขาจะขายต่อมันก็เสียราคา”
เธอยังกล่าวต่อว่า...
“อุบัติเหตุไม่มีใครอยากให้เกิด แต่ในเมื่อเราเป็นผู้ขับขี่ มันก็อยู่ในความรับผิดชอบของเราอยู่ดี เพราะเรากำลังปฏิบัติหน้าที่ ถ้าเปลี่ยนจากมอเตอร์ไซค์เป็นรถยนต์แล้วไปชนคนเจ็บ ถึงแม้ไม่ตั้งใจ ก็ต้องรับผิดชอบอยู่ดี... ส่วนเรื่องความถูกต้องก็ต้องดูตามกฎหมายอีกที”
แม้จะกล่าวในเชิงพยายามมอง “สองมุม” แต่หลายคนกลับมองว่า น้ำเสียงและถ้อยคำของมิ้นท์ดู “เหมือนเข้าข้างลูกค้า” มากเกินไป ทำให้เกิดกระแสต่อต้านจากผู้ชมจำนวนมาก
⚡ ทัวร์ลงพิธีกรเสื้อขาว สะเทือนรายการดัง
หลังรายการออกอากาศได้ไม่นาน ชาวเน็ตก็พากันติดแฮชแท็ก #ข่าวใส่ไข่ และ #มิ้นท์อรชพร พร้อมวิจารณ์อย่างหนักในทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ก หลายคนมองว่า “คำพูดของเธอไม่เหมาะสม” และ “ขาดความเข้าใจในมุมของแรงงานส่งอาหารที่ทำงานเสี่ยงอยู่บนท้องถนนทุกวัน”
คอมเมนต์จำนวนมากในโลกโซเชียลระบุว่า
“ผิดหวังกับพิธีกรชุดขาวมากเลย”
“พิธีกรเสื้อขาวออกตัวแทนลูกค้าเหมือนเป็นเรื่องตัวเอง”
“เปลี่ยนเถอะ พิธีกรคนนี้พูดไม่เข้าใจหัวอกไรเดอร์เลย”
“ปกติชอบดูข่าวใส่ไข่มาก แต่วันนี้พูดจาไม่โอเคเลยค่ะ”
“รองเท้า 16,000 นี่พิธีกรเป็นเจ้าของป่าวเนี้ย 555”
บางคนถึงกับเรียกร้องให้รายการพิจารณาเปลี่ยนพิธีกร เพราะเกรงว่าจะทำให้ภาพลักษณ์ของรายการที่เคยเป็นกันเองและรับฟังทุกมุมมอง “เสียความน่าเชื่อถือ”
🎯 อีกมุมจากแฟนคลับที่เข้าใจ "มิ้นท์ อรชพร"
ถึงแม้เสียงวิจารณ์จะดังกระหึ่ม แต่ก็มีบางส่วนที่ออกมาปกป้องพิธีกรสาว โดยให้เหตุผลว่า เธอเพียงพยายามวิเคราะห์ในมุมของกฎหมายและหลักความรับผิดชอบ ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่เห็นใจไรเดอร์
บางคอมเมนต์ระบุว่า
“เธอพูดในมุมของคนกลาง ฟังดี ๆ จะรู้ว่าไม่ได้เข้าข้างใคร”
“มิ้นท์แค่ยกตัวอย่างให้เห็นว่าความเสียหายของทรัพย์สินก็มีสิทธิ์เรียกร้องได้ตามกฎหมาย”
“อย่าด่วนตัดสินคนจากประโยคเดียวในรายการที่ถูกตัดต่อออกมา”
ซึ่งก็สะท้อนให้เห็นว่า กระแสดราม่าครั้งนี้มีทั้งสองฝ่าย — ฝ่ายที่เห็นว่า “พูดไม่เหมาะสม” และฝ่ายที่มองว่า “พูดตามหลักเหตุผล”
📺 ผลกระทบต่อรายการ "ข่าวใส่ไข่"
กระแสตีกลับต่อพิธีกรสาวครั้งนี้ส่งผลโดยตรงต่อรายการ ข่าวใส่ไข่ ที่ปกติได้รับเสียงชื่นชมในความเป็นกันเอง สนุกสนาน และกล้าพูดกล้าแสดงความคิดเห็นอย่างเปิดเผย แต่เมื่อคำพูดของพิธีกรถูกมองว่า “ไม่เห็นอกเห็นใจแรงงานรายวัน” ก็ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมที่อาจกระทบต่อเรตติ้งและภาพลักษณ์ในระยะสั้น
บางแฟนรายการถึงขั้นคอมเมนต์ว่า “ถ้ายังมีพิธีกรคนนี้ จะไม่ดูแล้ว” ขณะที่บางคนบอกว่า “ขอให้รายการเปิดโอกาสให้เธอออกมาชี้แจง เพราะบางทีคนอาจตีความผิด”
🤔 บทเรียนจากดราม่า "รองเท้าแบรนด์เนม"
เหตุการณ์นี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความเปราะบางของโลกโซเชียลในยุคปัจจุบัน ที่ความคิดเห็นเพียงไม่กี่ประโยคอาจกลายเป็นกระแสใหญ่ได้ในพริบตา แต่ยังชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างทางมุมมองระหว่าง “ผู้บริโภค” และ “ผู้ให้บริการ”
ฝ่ายลูกค้าอาจมองว่า “สิ่งของของฉันเสียหาย ต้องได้รับการชดใช้”
แต่ฝ่ายไรเดอร์กลับมองว่า “มันเป็นอุบัติเหตุที่ไม่ได้ตั้งใจ และฉันก็เสียหายเช่นกัน”
ในทางกฎหมาย เรื่องนี้อาจต้องดูเป็นกรณีไป แต่ในทางสังคม เรื่องของ “น้ำใจ” และ “ความเข้าใจ” ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ผู้คนเรียกร้องมากที่สุด
💡 สรุป
ดราม่าครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่อง “พิธีกรพูดพลาด” หรือ “รองเท้า 16,000 บาท” เท่านั้น แต่เป็นภาพสะท้อนของสังคมที่กำลังถกเถียงระหว่าง “ความถูกต้องตามกฎหมาย” กับ “ความถูกต้องตามศีลธรรมและความเห็นใจ”
สุดท้าย ไม่ว่าฝ่ายใดจะถูกหรือผิด การมีสติในการพูด การฟังให้รอบด้าน และการเคารพกันในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง อาจเป็นคำตอบที่ทำให้ดราม่าลดความร้อนแรงลงได้มากที่สุด





















