ด่วน! กองกำลังบูรพา ประสานกัมพูชา เตรียมเริ่มภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดน 10 ต.ค. นี้
“กองกำลังบูรพา” เตรียมลงพื้นที่เก็บกู้ทุ่นระเบิด บ้านหนองจาน–หนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว เดินหน้าภารกิจเพื่อมนุษยธรรม ไทย–กัมพูชา ร่วมผลักดันชายแดนปลอดภัย พัฒนาเศรษฐกิจ–สังคม
วันที่ 9 ตุลาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา กองกำลังบูรพา ตำบลห้วยโจด อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว ได้มีการส่งหนังสือ “ด่วนมาก” ที่เลขที่ กห.0481.2/602 เรื่อง “การเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว” ส่งถึงผู้บัญชาการกองพลน้อยทหารราบที่ 51 เพื่อแจ้งการดำเนินภารกิจสำคัญด้านความมั่นคงและมนุษยธรรม
จดหมายดังกล่าวระบุว่า สืบเนื่องจากการประชุม คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee – GBC) ไทย–กัมพูชา สมัยวิสามัญ ที่จัดขึ้น ณ จังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันพิจารณาแนวทางความร่วมมือในการ เก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม (Humanitarian Mine Clearance) โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่ชายแดน สนับสนุนการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้าน
📍 เป้าหมายหลักของภารกิจ: “ชายแดนปลอดภัย ประชาชนมั่นใจ ชีวิตใหม่เริ่มต้นได้”
จากผลการประชุมดังกล่าว กองกำลังบูรพาได้รับมอบหมายให้ดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ บ้านหนองจาน ตำบลโนนหมากมุ่น และบ้านหนองหญ้าแก้ว ตำบลโคกสูง อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เคยเป็นแนวชายแดนความขัดแย้งในอดีต และยังคงมีทุ่นระเบิดหลงเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก
ภารกิจนี้จึงมีความสำคัญยิ่ง เพราะตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา พื้นที่ดังกล่าวมีรายงานเหตุระเบิดจากทุ่นสังหารที่ยังไม่ถูกเก็บกู้ ส่งผลให้ทั้งประชาชนและสัตว์เลี้ยงได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตหลายราย การดำเนินการในครั้งนี้จึงไม่เพียงเป็นการเก็บกู้เพื่อความปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังเป็นก้าวสำคัญของ “ความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อมนุษยธรรม” ที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของทั้งไทยและกัมพูชาในการร่วมกันสร้าง “เขตปลอดทุ่นระเบิด” อย่างแท้จริง
🔎 ที่มาของปัญหาทุ่นระเบิดในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา
บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา โดยเฉพาะในจังหวัดสระแก้ว ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ เคยเป็นสมรภูมิในยุคสงครามเย็นและความขัดแย้งทางการเมืองภายในกัมพูชาในช่วงทศวรรษ 2520–2530 ทำให้มีกองกำลังจากหลายฝ่ายเข้ามาใช้พื้นที่ฝั่งชายแดนไทยเป็นฐานปฏิบัติการและแนวป้องกัน ซึ่งในช่วงเวลานั้นมีการ ฝังทุ่นระเบิดจำนวนมาก เพื่อป้องกันการรุกล้ำของฝ่ายตรงข้าม
แม้สงครามจะสิ้นสุดลงมานานแล้ว แต่ทุ่นระเบิดจำนวนมากยังคงหลงเหลืออยู่ใต้พื้นดิน โดยเฉพาะในพื้นที่ป่าและภูเขา การเก็บกู้จึงต้องใช้ความชำนาญและเครื่องมือเฉพาะทาง ปัจจุบันประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ยังมีทุ่นระเบิดหลงเหลืออยู่มากกว่า 3,000 ตารางกิโลเมตร และมีหน่วยงานหลักคือ ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (ศทช.) ร่วมกับกองกำลังทหารชายแดนรับผิดชอบในการเก็บกู้
🧭 ความร่วมมือระหว่างไทย–กัมพูชา: ก้าวสำคัญของการทูตเพื่อมนุษยธรรม
การประชุม GBC ครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของความร่วมมือทางทหารในเชิงสันติ โดยไทยและกัมพูชาได้ตกลงร่วมกันในหลายประเด็น ทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูลพื้นที่เสี่ยง การจัดอบรมเจ้าหน้าที่ร่วม การจัดทำแผนที่แนวเขตทุ่นระเบิด รวมถึงการตั้ง คณะทำงานร่วมด้านมนุษยธรรมชายแดน (Joint Humanitarian Working Group) เพื่อประสานการปฏิบัติในภาคสนาม
ภารกิจเก็บกู้ในพื้นที่บ้านหนองจานและหนองหญ้าแก้ว จึงเป็นผลลัพธ์ตรงจากข้อตกลงครั้งนี้ และถูกจัดให้เป็น “โครงการนำร่อง” เพื่อสร้างต้นแบบของการทำงานร่วมกันในระยะยาว โดยกองกำลังบูรพาได้ประสานกับหน่วยวิศวกรรมทหาร และทีมผู้เชี่ยวชาญจาก ศทช. เพื่อใช้เครื่องตรวจจับโลหะและเทคโนโลยีสแกนใต้ดินรุ่นใหม่ล่าสุด
🧨 ขั้นตอนการเก็บกู้ทุ่นระเบิด: ปลอดภัยทุกย่างก้าว
ภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดเป็นงานที่ละเอียดอ่อนและเสี่ยงสูง เจ้าหน้าที่ทุกนายจะต้องผ่านการฝึกอบรมอย่างเข้มข้น ใช้เครื่องตรวจจับความร้อนและสัญญาณแม่เหล็กในการระบุจุดต้องสงสัย ก่อนทำการขุดตรวจอย่างระมัดระวัง โดยเฉลี่ยพื้นที่ 1 ตารางเมตรอาจใช้เวลานานถึง 15–30 นาที
นอกจากนี้ การเก็บกู้ยังต้องมีขั้นตอนการทำลายทุ่นอย่างปลอดภัย เช่น การใช้ “ระเบิดควบคุม (Controlled Detonation)” หรือการเผาทำลายในพื้นที่ที่ควบคุมแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงการระเบิดกระจาย ทั้งนี้ กองกำลังบูรพาได้ประสานกับหน่วยงานท้องถิ่น เพื่อจัดตั้งเขตปลอดภัยรอบพื้นที่ปฏิบัติการ และแจ้งเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้ในช่วงวันที่ 10 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป
🧑🤝🧑 เสียงจากคนในพื้นที่: ความหวังหลังรอคอยมานาน
ชาวบ้านในตำบลโนนหมากมุ่นและตำบลโคกสูงต่างแสดงความดีใจหลังทราบข่าวว่าจะมีการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา หลายครอบครัวไม่กล้าเข้าไปทำการเกษตรในพื้นที่บางส่วนเนื่องจากความกลัว
“ดีใจมากค่ะ ที่เขาจะมาเก็บกู้ให้ พวกเราจะได้ไม่ต้องกลัวเวลาเข้าไปหาของป่าหรือเลี้ยงวัวควาย ตอนนี้ทุกคนรอวันนี้มานานมาก”
— นางบังอร ชาวบ้านหนองหญ้าแก้ว
นอกจากนี้ เด็กนักเรียนในโรงเรียนพื้นที่ใกล้เคียงก็ได้รับการสอนให้รู้จักสัญลักษณ์ “พื้นที่อันตรายจากทุ่นระเบิด” และวิธีป้องกันตนเอง เพื่อให้การดำเนินงานครั้งนี้เกิดประโยชน์สูงสุดในเชิงความรู้และความปลอดภัยของชุมชน
🌾 ผลลัพธ์ระยะยาว: จากพื้นที่เสี่ยงสู่พื้นที่พัฒนา
เมื่อพื้นที่ถูกเก็บกู้ทุ่นระเบิดจนปลอดภัยแล้ว หน่วยงานภาครัฐจะสามารถเข้ามาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน ชลประทาน และแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร ส่งเสริมให้ประชาชนมีรายได้จากการทำเกษตรและท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
จังหวัดสระแก้วถือเป็น “ประตูเศรษฐกิจตะวันออก” ที่เชื่อมไทยกับกัมพูชา และมีศักยภาพสูงในการพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ (Special Economic Zone – SEZ) ดังนั้นการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในครั้งนี้จึงถือเป็นการ “ปลดล็อก” พื้นที่ให้พร้อมสำหรับการพัฒนาในอนาคต
💬 ถ้อยแถลงจากกองกำลังบูรพา
ทางกองกำลังบูรพาได้ออกแถลงการณ์เพิ่มเติมว่า
“การดำเนินการครั้งนี้เป็นภารกิจที่มีความสำคัญยิ่งต่อความปลอดภัยของประชาชน และเป็นการปฏิบัติตามข้อตกลงระหว่างรัฐบาลไทยและกัมพูชา กองกำลังบูรพาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ในการหลีกเลี่ยงเขตปฏิบัติการ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด”
หน่วยงานยังย้ำอีกว่า หากประชาชนพบวัตถุต้องสงสัย ไม่ควรเข้าไปสัมผัสหรือเคลื่อนย้าย ควรรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทหารหรือตำรวจในพื้นที่ทันที
🕊️ “เก็บทุ่นวันนี้ เพื่ออนาคตที่ปลอดภัยของลูกหลาน”
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความก้าวหน้าด้าน การเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม (Humanitarian Demining) โดยเฉพาะความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน และการพัฒนาศักยภาพของเจ้าหน้าที่ในประเทศเอง
จากข้อมูลของสำนักงานสหประชาชาติว่าด้วยการปฏิบัติการทุ่นระเบิด (UNMAS) ระบุว่า การเก็บกู้ทุ่นระเบิดไม่ใช่เพียงการกำจัดอาวุธที่หลงเหลือจากสงครามเท่านั้น แต่คือการ “คืนชีวิต” ให้กับประชาชน เพราะพื้นที่ที่ปลอดภัยจะนำมาซึ่งโอกาสทางเศรษฐกิจ การศึกษา และความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชน
🌍 ความเชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs)
ภารกิจนี้ยังสอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals – SDGs) ของสหประชาชาติ โดยเฉพาะเป้าหมายที่ 16 “สันติภาพ ความยุติธรรม และสถาบันที่เข้มแข็ง” และเป้าหมายที่ 15 “การจัดการระบบนิเวศบนบกอย่างยั่งยืน”
การเก็บกู้ทุ่นระเบิดช่วยลดอันตรายจากอาวุธสงคราม ฟื้นฟูพื้นที่เกษตร และเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยในผืนแผ่นดินของตนเอง
🔔 สรุป
การลงพื้นที่เก็บกู้ทุ่นระเบิดของ กองกำลังบูรพาในวันที่ 10 ตุลาคม 2568 ที่อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว จึงเป็นภารกิจที่มีทั้งมิติด้านความมั่นคง มนุษยธรรม และการพัฒนาในอนาคต การร่วมมือของไทยและกัมพูชาในครั้งนี้ไม่เพียงลดความเสี่ยงต่อชีวิตประชาชน แต่ยังเป็น “สัญลักษณ์ของสันติภาพและมิตรภาพระหว่างสองประเทศ” ที่ก้าวข้ามความขัดแย้งในอดีต เพื่อสร้างอนาคตที่มั่นคงร่วมกัน
“ทุกการเก็บกู้ คือการคืนชีวิตให้แผ่นดิน”
ชายแดนที่ปลอดภัยในวันนี้ คือรากฐานของสังคมที่มั่นคงในวันข้างหน้า
APC M113 รถเกราะ 60 ปี ลุยสมรภูมิช่องอานม้า เสริม "เกราะไม้" กันจรวดสุดแกร่ง
ไทยซื้อระบบป้องกันทางอากาศใหม่ !
วิเคราะห์สถิติหวยปีใหม่ 2 มกราคม: เจาะลึกเลขเด่นรับโชควันศุกร์ 2569
เจาะสถิติสลากกินแบ่งรัฐบาล ย้อนหลัง 10 ปี (งวด 2 มกราคม)
เขมรหลอกเขมร! สายทหารเขมรหลุดแผนลับ "หักหลังฮุนเซน" รบในจอ รอรับตังค์ โกยเงินหลักล้าน อัดฉีดคลังแสงไม่อั้น
ปิดตำนานตลกรุ่นใหญ่ "สีแดง" แห่งตระกูล ด.เด็ก ผู้สร้างรอยยิ้มเคียงข้างปรมาจารย์คาเฟ่
จรวดจีนฟัดจรวดจีน เปิดคลังอาวุธลับสมรภูมิสระแก้ว เมื่อไทย-เขมรต่างงัดไม้เด็ด "สายเลือดมังกร" มาดวลกัน
สาวญี่ปุ่นจัดอีเวนท์พบปะแฟนคลับ แต่ดันไม่มีใครมางานเลย จนกระทั่งเธอโพสต์ขอโทษ
เขมร ยอมมาโต๊ะเจรจาที่จันทบุรี หลังไทยดัดหลัง "ไม่ย้ายประเทศ"
เพื่อนสนิทวัย 30 ชวนกันทุ่มเงินมหาศาล เพื่อซื้อหมู่บ้านมาบูรณะใหม่
ทหารไทย ยึดฐานกัมพูชา เจอถุงยางเกลื่อนฐาน
รู้จัก M777 ปืนใหญ่สนามตัวโหด เบา คล่อง ยิงแม่นระดับนำวิถี ตัวเปลี่ยนเกมสงครามยุคใหม่
"ช่อ พรรณิการ์" ฟาดไม่ยั้ง!ด่าได้ บูลลี่ได้ แต่ปั่นข่าวปลอม
BBC ยกให้ "กรุงพนมเปญ" ติด TOP20..ปลายทางที่ดีที่สุดในโลก
เขมร ยอมมาโต๊ะเจรจาที่จันทบุรี หลังไทยดัดหลัง "ไม่ย้ายประเทศ"
ปิดตำนานตลกรุ่นใหญ่ "สีแดง" แห่งตระกูล ด.เด็ก ผู้สร้างรอยยิ้มเคียงข้างปรมาจารย์คาเฟ่
สุขสันต์วันคริสต์มาส...
แตกตื่นทั้งอ่าว! พบ “ปลาโรนันยักษ์” ยาวกว่า 2 เมตร ว่ายเฉียดชายหาดอ่าวประจวบฯ เจ้าหน้าที่เร่งผลักดันคืนทะเล ป้องกันอันตรายนักท่องเที่ยว
"ช่อ พรรณิการ์" ฟาดไม่ยั้ง!ด่าได้ บูลลี่ได้ แต่ปั่นข่าวปลอม
เขมรหลอกเขมร! สายทหารเขมรหลุดแผนลับ "หักหลังฮุนเซน" รบในจอ รอรับตังค์ โกยเงินหลักล้าน อัดฉีดคลังแสงไม่อั้น
ปิดตำนานตลกรุ่นใหญ่ "สีแดง" แห่งตระกูล ด.เด็ก ผู้สร้างรอยยิ้มเคียงข้างปรมาจารย์คาเฟ่
เขมร ยอมมาโต๊ะเจรจาที่จันทบุรี หลังไทยดัดหลัง "ไม่ย้ายประเทศ"
