ด่วน!ศาลสั่งจำคุก “ปารีณา” 4 ปี 1 เดือน ไม่รอลงอาญา ปมรุกที่ป่าสงวน
ด่วน! ศาลราชบุรีพิพากษาจำคุก “ปารีณา ไกรคุปต์” 4 ปี 1 เดือน คดีรุกป่า ไม่รอลงอาญา – อดีต ส.ส.ดังเร่งยื่นประกันตัว
กลายเป็นข่าวใหญ่สะเทือนวงการการเมืองและสังคมไทยอีกครั้ง เมื่อศาลจังหวัดราชบุรีมีคำพิพากษาให้จำคุก นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ เป็นระยะเวลา 4 ปี 1 เดือน โดย ไม่รอลงอาญา ในคดีบุกรุกและครอบครองที่ดินของรัฐประเภทป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี
คำพิพากษาดังกล่าวสร้างแรงสั่นสะเทือนในแวดวงการเมืองทันที เพราะปารีณาถือเป็นหนึ่งในอดีตนักการเมืองหญิงที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วประเทศ ด้วยบุคลิกพูดตรง แรง และมักแสดงความคิดเห็นทางการเมืองอย่างไม่เกรงใจใคร
🧾 พิพากษาชัด จำคุก 4 ปี 1 เดือน – ไม่รอลงอาญา
เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2568 ศาลจังหวัดราชบุรีได้อ่านคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการยื่นฟ้อง น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ในข้อหา บุกรุกและครอบครองพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองพื้นที่ป่า
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า จำเลยมีการครอบครองพื้นที่จำนวนมากกว่า 46 ไร่เศษ ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนจริง และไม่สามารถนำเอกสารสิทธิ์มายืนยันได้ว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์โดยชอบธรรม จึงพิพากษาลงโทษจำคุก 4 ปี 1 เดือน โดยไม่รอลงอาญา
หลังจากฟังคำพิพากษา ทีมทนายความของปารีณาได้เร่งดำเนินการยื่นขอประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลว่าจะอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวหรือไม่
📍 ย้อนคดี “ฟาร์มไก่รุกป่า” ที่กลายเป็นคดีดังระดับประเทศ
คดีนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2562 หลังจากมีการตรวจสอบพื้นที่ ฟาร์มไก่ของ น.ส.ปารีณา ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี โดยหน่วยงานรัฐพบว่า พื้นที่ดังกล่าวบางส่วนอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และมีการใช้ประโยชน์โดยไม่ได้รับอนุญาต
ต่อมาสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) และกรมป่าไม้ ได้เข้าตรวจสอบอย่างละเอียด จนพบว่าพื้นที่ที่ปารีณาครอบครองและใช้เลี้ยงไก่นั้น มีขนาดกว่า 600 ไร่ โดยส่วนหนึ่งอยู่ในเขตป่าสงวน ซึ่งไม่สามารถครอบครองหรือใช้ประโยชน์ได้
จากนั้นกรมป่าไม้ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีและยื่นเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ ซึ่งทำให้คดีนี้กลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกจับตามองจากทั้งประชาชนและนักการเมืองทั่วประเทศ
🧩 เส้นทางจากนักการเมืองชื่อดังสู่ผู้ต้องหาคดีรุกป่า
น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ เคยเป็นหนึ่งใน ส.ส.ที่มีชื่อเสียงมากของพรรคพลังประชารัฐ ด้วยบุคลิกพูดจาโผงผาง กล้าแสดงออก และมีความมั่นใจสูง เธอมักจะออกมาแสดงความคิดเห็นในหลายประเด็นการเมืองอย่างตรงไปตรงมา บางครั้งก็นำไปสู่กระแสดราม่าบนโลกออนไลน์อยู่บ่อยครั้ง
อย่างไรก็ตาม คดีบุกรุกป่าได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตทางการเมืองของเธอ เพราะเมื่อปี 2564 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่ง ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ ส.ส. ระหว่างรอผลการพิจารณาคดี หลังจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด
แม้เธอจะพยายามต่อสู้ในทางคดีมาโดยตลอด แต่หลักฐานทางแผนที่ ภาพถ่ายดาวเทียม และเอกสารจากกรมป่าไม้ ก็แสดงชัดว่าพื้นที่บางส่วนของฟาร์มอยู่ในเขตป่าสงวนจริง
⚖️ ศาลชี้ “การกระทำเป็นความผิดชัดเจน”
จากการพิจารณาคดี ศาลระบุว่า แม้จำเลยจะอ้างว่าได้ครอบครองพื้นที่มาก่อนโดยสุจริต และไม่รู้ว่าพื้นที่นั้นเป็นป่าสงวน แต่เมื่อพิจารณาจากหลักฐานเชิงแผนที่และเอกสารราชการ พบว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตป่าตามประกาศของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นอกจากนี้ ศาลยังชี้ให้เห็นว่า การใช้พื้นที่ดังกล่าวเพื่อเลี้ยงไก่เชิงพาณิชย์เป็นการใช้ประโยชน์ในเชิงธุรกิจ ไม่เข้าข่ายการทำเกษตรเพื่อยังชีพ จึงถือว่าเป็นการ “บุกรุกโดยเจตนา” และไม่สามารถอ้างความไม่รู้กฎหมายได้
คำพิพากษาครั้งนี้จึงเป็นไปตามหลักฐานทางคดี โดยลงโทษจำคุก 4 ปี 1 เดือน และ ไม่รอการลงโทษ
🏛️ ปารีณาเตรียมยื่นประกัน – ทีมทนายยืนยันยังสู้ต่อ
ภายหลังคำพิพากษา น.ส.ปารีณาและทีมทนายความได้เตรียมเอกสารเพื่อยื่นขอประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ โดยทนายระบุว่า “ลูกความยังมีสิทธิ์ตามกฎหมายที่จะอุทธรณ์คำพิพากษา และเรามั่นใจว่าจะต่อสู้จนถึงที่สุด”
มีรายงานว่าในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ทีมทนายได้ยื่นหลักทรัพย์เพื่อประกันตัวเป็นเงินสดจำนวนหนึ่งต่อศาลจังหวัดราชบุรี โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าศาลจะอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวหรือไม่
🗣️ เสียงสะท้อนจากสังคม
หลังข่าวคำพิพากษาออกมา ชาวเน็ตและประชาชนทั่วไปต่างออกมาแสดงความคิดเห็นหลากหลาย หลายคนมองว่า “คดีนี้เป็นตัวอย่างสำคัญของการบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม” ขณะที่บางส่วนมองว่า ปารีณาอาจไม่ได้ตั้งใจรุกป่าแต่เกิดจากความเข้าใจผิดในเอกสารสิทธิ์
ในโลกออนไลน์ เช่น Facebook, X (Twitter) และ TikTok ต่างมีการพูดถึงคดีนี้อย่างแพร่หลาย แฮชแท็ก #ปารีณารุกป่า และ #ศาลราชบุรี ติดเทรนด์ในทันที หลายโพสต์ชี้ว่า คดีนี้ถือเป็น “บทเรียนสำคัญ” ให้กับผู้มีอำนาจและนักการเมืองทุกคนว่า “ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย”
📰 สื่อจับตา “ผลกระทบต่อเส้นทางการเมือง”
ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและนักวิเคราะห์การเมืองให้ความเห็นตรงกันว่า คำพิพากษาครั้งนี้น่าจะทำให้ปารีณา หมดสิทธิ์ทางการเมืองในอนาคต เนื่องจากโทษจำคุกที่ไม่ได้รอลงอาญามีผลตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งกำหนดว่าผู้ที่เคยต้องคำพิพากษาจำคุกจะไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้อีก
แม้เธอจะมีสิทธิ์อุทธรณ์ แต่กระบวนการทางคดีอาจใช้เวลานาน และหากศาลชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามเดิม เธอก็จะต้องรับโทษตามกฎหมายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
📚 บทเรียนจากคดี “รุกป่า” ที่สังคมไม่ควรมองข้าม
คดีของปารีณาไม่ใช่คดีแรกที่เกี่ยวข้องกับการบุกรุกป่า แต่ถือเป็นคดีตัวอย่างที่ทำให้สังคมหันกลับมาตระหนักถึงปัญหาการใช้พื้นที่ของรัฐโดยมิชอบ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกในหลายจังหวัด
หน่วยงานรัฐหลายฝ่ายจึงใช้กรณีนี้เป็นสัญญาณเตือนให้ผู้ถือครองที่ดินโดยไม่มีเอกสารสิทธิ์เร่งตรวจสอบ หากพบว่าเป็นพื้นที่ป่าสงวนหรือที่สาธารณะ ควรรีบดำเนินการแก้ไขหรือคืนพื้นที่ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกดำเนินคดีในอนาคต
🌿 ปารีณายังเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์
แม้ศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษา แต่ปารีณายังคงยืนยันว่าเธอ “ไม่ได้มีเจตนาบุกรุก” และเชื่อว่าตนเองได้รับเอกสารสิทธิ์จากการครอบครองโดยสุจริตมาอย่างยาวนาน เธอกล่าวกับผู้สื่อข่าวสั้นๆ ก่อนขึ้นรถกลับจากศาลว่า
“หนูยังเชื่อในความยุติธรรม และจะขอสู้ต่อในชั้นอุทธรณ์ค่ะ”
คำพูดนี้สะท้อนถึงความตั้งใจของเธอที่จะต่อสู้จนถึงที่สุด แม้ว่าจะเผชิญแรงกดดันมหาศาลจากสังคมและสื่อก็ตาม
🕊️ สังคมเรียกร้องความเป็นธรรมและมาตรฐานเดียวกัน
ในอีกด้านหนึ่ง นักสิ่งแวดล้อมและภาคประชาชนหลายกลุ่มออกมาเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐใช้มาตรฐานเดียวกันกับทุกคดี ไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดาหรือผู้มีชื่อเสียง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่ากฎหมายไทยยังคงศักดิ์สิทธิ์และเที่ยงธรรม
คดีของปารีณาจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้ระหว่าง “อำนาจทางการเมือง” กับ “หลักนิติธรรม” ที่สังคมไทยกำลังจับตามองอย่างใกล้ชิด
🔎 บทสรุป : 4 ปี 1 เดือน ที่ไม่รอลงอาญา
คำพิพากษาในวันนี้เป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของอดีต ส.ส.หญิงชื่อดังคนนี้ จากผู้เคยยืนอยู่บนเวทีการเมืองอย่างมั่นใจ สู่วินาทีที่ต้องเผชิญกับคำตัดสินของศาล
ไม่ว่าจะผลอุทธรณ์จะเป็นอย่างไร คดีนี้ได้กลายเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์สำคัญของวงการการเมืองไทย ที่สะท้อนให้เห็นว่า “ไม่ว่าจะเป็นใคร เมื่อทำผิดกฎหมาย ก็ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง”
📰 สรุปประเด็นสำคัญ:
ศาลจังหวัดราชบุรีพิพากษาจำคุก “ปารีณา ไกรคุปต์” 4 ปี 1 เดือน คดีรุกป่าสงวน
ไม่มีการรอลงอาญา
ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นขอประกันตัวเพื่ออุทธรณ์
คดีมีที่มาจากการครอบครองพื้นที่ฟาร์มไก่ในเขตป่าสงวน
เป็นกรณีตัวอย่างของการบังคับใช้กฎหมายต่อผู้มีอิทธิพลทางการเมือง














