สิงโตหลุดกรงขย้ำเด็ก 11! อินฟลูฯดังรีบขอโทษ พร้อมชดใช้เต็มที่
อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังเจ้าของสิงโต หลุดทำร้ายเด็ก 11 ขวบเจ็บสาหัส รับผิดชอบพร้อมเยียวยาเต็มที่
เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2568 เกิดเหตุการณ์สะเทือนใจในจังหวัดกาญจนบุรี เมื่อ สิงโตตัวใหญ่ ที่เลี้ยงไว้โดยอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังรายหนึ่งหลุดออกจากบ้าน และทำร้ายประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียง เหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ สองราย หนึ่งในนั้นเป็น เด็กชายวัย 11 ปี ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสและต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล ขณะที่ผู้บาดเจ็บอีกคนเป็นชายวัย 43 ปี ได้รับบาดแผลจากการถูกข่วน
เหตุการณ์นี้สร้างความตกใจให้กับชาวบ้านและผู้ที่ติดตามอินฟลูเอนเซอร์รายนี้เป็นอย่างมาก ทั้งยังเป็นกรณีตัวอย่างที่สะท้อนถึงความสำคัญของการดูแลสัตว์เลี้ยงขนาดใหญ่ และความปลอดภัยของชุมชน
รายละเอียดเหตุการณ์และผู้บาดเจ็บ
ตามรายงาน เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงเย็น โดยสิงโตตัวดังกล่าวหลุดออกจากบริเวณบ้านของเจ้าของ และเข้าไปทำร้ายผู้คนที่อยู่ใกล้เคียง ผู้บาดเจ็บสองราย ได้แก่
1. เด็กชายวัย 11 ปี ถูกสิงโตข่วนและกัดจนเกิดบาดแผลลึกบริเวณสะโพกขวา แผลดังกล่าวมีลักษณะรุนแรงและจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่องที่โรงพยาบาล ปัจจุบันเด็กชายยังอยู่ในการดูแลของแพทย์ โดยทีมแพทย์เน้นการรักษาแผลลึก การป้องกันการติดเชื้อ และการติดตามอาการหลังการรักษา
2. ชายวัย 43 ปี ถูกสิงโตข่วนที่ขา จนต้องเย็บแผล 4 เข็ม หลังจากรับการรักษาอาการปลอดภัยและสามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้แล้ว
ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เหตุการณ์ เล่าว่าได้ยินเสียงโวยวายและสิงโตกระโดดออกมาจากรั้วบ้านอย่างรวดเร็ว ทำให้เด็กชายและชายวัยผู้ใหญ่ได้รับบาดเจ็บทันที มีผู้คนในละแวกใกล้เคียงช่วยกันจับสิงโตและนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน
การชี้แจงของเจ้าของสิงโต
ต่อมาเจ้าของสิงโต ซึ่งเป็น อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังและมีผู้ติดตามจำนวนมาก ออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมชี้แจงถึงสาเหตุของการหลุดครั้งนี้
เจ้าของสิงโตระบุว่า สิงโตตัวดังกล่าวถูก ล่ามโซ่ไว้นอกกรงชั่วคราว เนื่องจากเจ้าของกำลังปรับปรุงกรงใหม่ จึงต้องแยกตัวสิงโตออกมาไว้ชั่วคราว แต่คาดว่าสิงโตน่าจะหลุดจากโซ่ที่ล่ามไว้ ส่งผลให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด
เขาได้กล่าวขอโทษต่อ ผู้บาดเจ็บและครอบครัว พร้อมยืนยันว่า พร้อมเยียวยาและรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมด โดยในเบื้องต้นได้ช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลของทั้งสองผู้บาดเจ็บแล้ว
นอกจากนี้ เจ้าของสิงโตยังแสดงความจำนงว่า หาก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องการมารับสิงโตไปดูแล เขาก็ยินดีและเต็มใจให้ความร่วมมือ เพื่อความปลอดภัยของชุมชนและสัตว์
การตอบสนองของชุมชนและสื่อ
หลังเกิดเหตุการณ์ มีการรายงานผ่านสื่อและโซเชียลมีเดียอย่างรวดเร็ว โดย ต้นอ้อ เป็นหนึ่งในผู้โพสต์ข่าวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุข้อความว่า
“สิงโตหลุด!! กัด เด็กในหมู่บ้าน อัพเดตสอบถามญาติมาแล้วนะคะ เหตุเกิดตอนประมาณ 21.00 น. เด็ก ๆ เล่นกันแถวบ้านและร้านค้าระแวกใกล้บ้านที่เลี้ยงสิงโต น้องที่โดนกัดอยู่ ป.5 อายุประมาณ 10-11 ขวบ สิงโตกระโดดออกมาจากรั้วบ้าน และออกมากัดน้อง มีคนแถวร้านค้าที่ช่วยเด็กได้ และรีบพาส่งโรงพยาบาล ญาติแจ้งว่าบาดแผลที่ลึกคือช่วงเอว ตอนนี้น้องอยู่ในการดูแลของแพทย์”
โพสต์ดังกล่าวสร้างความตระหนักให้กับชุมชนเกี่ยวกับ ความปลอดภัยของสัตว์เลี้ยงขนาดใหญ่ และการควบคุมไม่ให้เกิดอันตรายต่อประชาชน
ประเด็นด้านความปลอดภัยและกฎหมาย
เหตุการณ์สิงโตหลุดครั้งนี้ ยังเป็นกรณีตัวอย่างที่สะท้อนถึง ความเสี่ยงของการเลี้ยงสัตว์ป่าในเมืองหรือชุมชน สิงโตเป็นสัตว์ขนาดใหญ่และมีความดุร้าย หากไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้องและมีมาตรการควบคุมอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อคนรอบข้าง
ตามกฎหมายของไทย การเลี้ยงสัตว์ป่าหรือสัตว์อันตรายต้องมี ใบอนุญาตและมาตรการความปลอดภัย เพื่อป้องกันเหตุการณ์อันตราย และหากเกิดอุบัติเหตุ เจ้าของมี ความรับผิดชอบทางแพ่งและอาจทางอาญา ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของเหตุการณ์
สำหรับกรณีนี้ เจ้าของสิงโตได้ ยอมรับผิดและให้ความร่วมมือ ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาและเยียวยาผู้บาดเจ็บ
ผลกระทบต่อผู้บาดเจ็บและครอบครัว
สำหรับเด็กชายวัย 11 ปี เหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลต่อทั้งร่างกายและจิตใจ เด็กต้องเข้ารับการรักษาแผลลึกและต้องใช้เวลาพักฟื้น รวมถึงต้องมีการติดตามอาการหลังรักษาอย่างต่อเนื่อง
ด้านครอบครัวของเด็กชายแสดงความกังวลและความหวาดกลัว แต่ก็ยอมรับว่าเจ้าของสิงโตให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการ เยียวยาและชดใช้ค่าเสียหาย ทำให้สถานการณ์คลี่คลายลงอย่างรวดเร็ว
ผู้บาดเจ็บอีกคนซึ่งเป็นชายวัย 43 ปี แม้ได้รับบาดเจ็บไม่รุนแรง แต่เหตุการณ์นี้ก็สร้างความตกใจและความกังวลต่อชุมชนว่า หากไม่มีการควบคุมสัตว์ป่าขนาดใหญ่ อาจเกิดอันตรายกับประชาชนคนอื่น ๆ ได้
มาตรการป้องกันและข้อเสนอแนะ
เหตุการณ์สิงโตหลุดครั้งนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า การเลี้ยงสัตว์ป่าในบ้านหรือชุมชนต้องมีมาตรการความปลอดภัยสูงสุด ข้อเสนอแนะที่สำคัญ ได้แก่
1. จัดกรงและพื้นที่เลี้ยงสัตว์อย่างปลอดภัย – กรงต้องมีความแข็งแรงและป้องกันไม่ให้สัตว์หลุดออกมาได้
2. มีมาตรการล่ามสัตว์ที่ชัดเจนและมั่นคง – หากต้องแยกสัตว์ชั่วคราว ต้องตรวจสอบความแน่นหนาของโซ่หรืออุปกรณ์ล่าม
3. อบรมเจ้าของสัตว์และผู้ดูแล – ให้ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัย การควบคุมสัตว์ และการป้องกันอุบัติเหตุ
4. ความร่วมมือกับหน่วยงานราชการ – เช่น องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น กรมอุทยานแห่งชาติ และหน่วยงานด้านสัตว์ป่า เพื่อป้องกันอันตรายต่อชุมชน
บทสรุป
เหตุการณ์สิงโตหลุดทำร้ายเด็ก 11 ขวบในจังหวัดกาญจนบุรี เป็นเรื่องที่สะท้อนถึงความสำคัญของ การเลี้ยงสัตว์ป่าขนาดใหญ่และความปลอดภัยของชุมชน แม้เจ้าของสิงโตจะเป็นอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังและมีความรับผิดชอบสูง แต่เหตุการณ์นี้ก็เป็นเครื่องเตือนใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
เจ้าของสิงโตได้ แสดงความรับผิดชอบและเยียวยาผู้บาดเจ็บทั้งหมด รวมถึงยินดีให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาดูแลสัตว์ในช่วงนี้ เพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่าย
ชุมชนและผู้ติดตามเหตุการณ์ต่างแสดงความห่วงใยและติดตามการเยียวยาผู้บาดเจ็บอย่างใกล้ชิด อีกทั้งเหตุการณ์นี้ยังเป็นกรณีตัวอย่างสำคัญให้ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ป่าหรือสัตว์อันตรายในเมืองต้อง ตระหนักถึงความปลอดภัยและมาตรการควบคุม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ






