ปู มัณฑนา เดือด! สวนกลับแรง คนทำตัวเป็นศาสดาแต่พูดเท็จ ซัดถึงเวลาเจอ “วิบากกรรม”

ปู มัณฑนา ลั่นแรง! ซัด “ศาสดา–เด็กเลี้ยงแกะ” ถึงเวลาวิบากกรรม พร้อมให้กำลังใจ “พัช กฤษ อนงค์” เผยเพศแม่เหมือนกันแท็กทีมทนายดังสู้คดี

กลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา นักแสดงสาวมากฝีมือ “ปู มัณฑนา หิมะทองคำ” ได้ออกมาโพสต์ข้อความสุดเดือดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Pou Mantana” ด้วยถ้อยคำที่สะเทือนใจและสะเทือนวงการ โดยมีใจความพาดพิงถึง “บุคคลปริศนา” ซึ่งเธอระบุว่าเป็นคนที่ชอบทำตัวเป็น “ศาสดา” และเปรียบเปรยว่าเหมือน “เด็กเลี้ยงแกะ” ที่วันหนึ่งจะต้องเผชิญกับ “วิบากกรรม” จากการกระทำของตนเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โพสต์ดังกล่าวของปู มัณฑนา ได้รับความสนใจอย่างมากจากชาวโซเชียล มีทั้งผู้ที่ออกมาสนับสนุน และบางส่วนที่พยายามวิเคราะห์ว่า “ศาสดา” ที่เธอกล่าวถึงคือใครกันแน่ โดยเฉพาะเมื่อมีการโยงประเด็นว่าเธอได้ออกโรงให้กำลังใจ “พัช กฤษ อนงค์ สุวรรณวงศ์” ผู้ก่อตั้งองค์การต่อต้านแชร์ลูกโซ่ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีการออกมาเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับคดีแชร์และการหลอกลวงทางออนไลน์หลายครั้ง

 

ปู มัณฑนา เปิดใจแรง “เวลาของวิบากกรรมมาถึงแล้ว”

ในโพสต์ต้นเรื่อง ปู มัณฑนา เขียนข้อความด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและชัดเจนว่า

 “แม่ปูขอพูดตรง ๆ นะคะ ดูเหมือนเวลาของวิบากกรรมมันเริ่มเดินทางมาถึงพวกที่ชอบทำตัวเป็นศาสดาแล้วค่ะ วัน ๆ เอาแต่นั่งด่าคนอื่น ทั้งที่ตัวเองชั่วยิ่งกว่าใคร ไม่มีบาปไหนหนักเท่ามุสาวาทาอีกแล้ว เพราะโกหกซ้ำ ๆ จนคนอื่นเดือดร้อน มันก็เหมือน ‘เด็กเลี้ยงแกะ’ ที่สุดท้ายต้องเจอกับกรรมของตัวเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ค่ะ”

ถ้อยคำนี้ถูกแชร์ต่อเป็นวงกว้าง เพราะนอกจากจะมีน้ำเสียงประชดประชัน ยังสะท้อนแนวคิดทางธรรมะในเรื่องของ “กรรม” ได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะการใช้คำว่า “มุสาวาทา” ซึ่งเป็นศัพท์ทางศาสนา หมายถึง “การพูดเท็จ” หรือ “การโกหก” ที่ถือเป็นหนึ่งในศีลห้าข้อที่มนุษย์ไม่ควรละเมิด

เธอเปรียบเปรยว่า “คนที่โกหกซ้ำ ๆ” ก็ไม่ต่างจาก “เด็กเลี้ยงแกะ” ที่วันหนึ่งจะไม่มีใครเชื่อคำพูดอีกต่อไป และท้ายที่สุดก็ต้องเจอกับผลแห่งการกระทำของตนเอง นั่นคือ “วิบากกรรม” ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

โพสต์ซ้อนโพสต์! ปู มัณฑนา ให้กำลังใจ “พัช กฤษ อนงค์” พร้อมพูดแทนใจเพศแม่

ก่อนเกิดโพสต์ดังกล่าว ปู มัณฑนา เคยแชร์โพสต์จากเฟซบุ๊กของ พัช กฤษ อนงค์ สุวรรณวงศ์ ผู้ก่อตั้งองค์การต่อต้านแชร์ลูกโซ่ ซึ่งโพสต์ข้อความในเชิงมีกำลังใจและความหวังว่า “ปาฏิหาริย์มีอยู่จริง” โดยระบุว่า

 “นักร้อง ก.ไก่ อย่างฉัน อยากตะโกนให้ก้องงงฟ้าาา ปาฏิหาริย์มีอยู่จริงโว้ยยยย ค่าา อิบบไว้ๆ!!! แต่ #บันทึกมันไว้ #รอวันเท่านั้น”

ข้อความดังกล่าวถูกตีความว่าเป็นการสื่อถึงเหตุการณ์บางอย่างที่กำลังจะเปิดเผยหรือความยุติธรรมที่กำลังจะปรากฏขึ้น

 

ปู มัณฑนา ได้แชร์โพสต์นี้พร้อมข้อความให้กำลังใจว่า

“พี่เขาเป็นอะไร ยังไงก็สู้ ๆ นะคะ เพศแม่เหมือนกันค่ะ”

คำว่า “เพศแม่เหมือนกัน” ที่เธอใช้ กลายเป็นคำที่ผู้คนพูดถึงอย่างมาก เพราะสะท้อนความรู้สึกของผู้หญิงที่พร้อมจะยืนเคียงข้างและสนับสนุนกันในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคดีหรือกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากสังคม

 

ขยับเกมกฎหมาย! ปู มัณฑนา แท็กทีม “ทนายอนันตรักษ์ – ทนายธรรมราช”

ไม่เพียงแต่โพสต์ให้กำลังใจเท่านั้น แต่เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา ปู มัณฑนา ยังได้โพสต์ภาพตนเองขณะอยู่กับ ทนายรักษ์ อนันตรักษ์ เพ็ชรหิน ทนายชื่อดังจากจังหวัดภูเก็ต และ ทนายธรรมราช สาระปัญญา อีกหนึ่งทนายที่มีชื่อเสียงในวงการกฎหมาย พร้อมระบุข้อความว่า

“ผมทนายรักษ์ กับ ทนายธรรมราช พวกเราไม่ทิ้งพี่ปูแน่นอนครับ จะให้พวกเราทิ้งพี่ตอนนี้ก็คงไม่ใช่ คบกับไม่จำต้องสนกระแสสังคม บริษัท ทนายธรรมราช จำกัด”

ด้านปู มัณฑนา ก็ได้ตอบกลับด้วยข้อความสั้นแต่เด็ดขาดว่า

 “ลุยสุดซอยพวกมันค่ะ!”

ประโยคนี้กลายเป็นสัญญาณชัดเจนว่า เธอไม่ได้เพียงแค่โพสต์แสดงความคิดเห็นทางอารมณ์ แต่ยังเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ทางกฎหมายอย่างจริงจังกับฝ่ายตรงข้าม

ทีมทนายมืออาชีพอยู่เบื้องหลัง

“ทนายอนันตรักษ์ เพ็ชรหิน” เป็นทนายความชื่อดังจากภูเก็ต ที่เคยรับว่าความคดีดังหลายคดีในภาคใต้ และมักมีจุดยืนชัดเจนในการปกป้องสิทธิ์ของผู้ถูกละเมิดในโลกออนไลน์ ขณะที่ “ทนายธรรมราช สาระปัญญา” ก็เป็นที่รู้จักในฐานะทนายผู้ก่อตั้ง “บริษัท ทนายธรรมราช จำกัด” ซึ่งรับว่าความทั่วประเทศ

การที่ทั้งสองทนายประกาศชัดว่าจะ “ไม่ทิ้งพี่ปู” นั้น แสดงถึงความมั่นใจว่าเรื่องนี้อาจมีการดำเนินคดีอย่างจริงจังในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นในลักษณะ การฟ้องหมิ่นประมาท, การใส่ความในสื่อออนไลน์, หรือ การปกป้องสิทธิ์จากการถูกบิดเบือนข้อมูล

 

วิเคราะห์โพสต์ “แรงแต่ตรง” ของ ปู มัณฑนา

1. การใช้ถ้อยคำศาสนาและนิทานเพื่อสื่อสาร

โพสต์ของปู มัณฑนา ไม่ได้เพียงใช้คำพูดแรงเท่านั้น แต่ยังมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่ลึกซึ้ง เช่น “มุสาวาทา” และ “เด็กเลี้ยงแกะ” ซึ่งเป็นการยกตัวอย่างจากคำสอนและนิทานสากลเพื่อเปรียบเทียบให้เห็นภาพของคนที่หลอกลวง

2. ส่งสัญญาณถึงสังคมและผู้เกี่ยวข้อง

การกล่าวถึง “เวลาของวิบากกรรม” สะท้อนว่าเธอเชื่อในพลังแห่งความยุติธรรมและผลของการกระทำ ซึ่งอาจเป็นการสื่อถึงบุคคลที่เธอเห็นว่าเคยทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนและกำลังจะได้รับผลของการกระทำกลับคืน

3. การเลือกข้างอย่างชัดเจน

การออกโรงให้กำลังใจ “พัช กฤษ อนงค์” ต่อหน้าสาธารณะ เป็นการแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าเธออยู่ฝั่งเดียวกับคนที่กำลังต่อสู้เพื่อความถูกต้อง ซึ่งนับว่าเป็นการ “เลือกข้าง” ทางสังคมที่กล้าหาญ

4. การเตรียมรับมือทางกฎหมาย

โพสต์ภาพร่วมกับทีมทนาย คือการส่งสัญญาณว่า เธอไม่ได้เพียงแค่ “โพสต์อารมณ์” แต่มีการวางแผนและเตรียมการรับมือทุกอย่างไว้ล่วงหน้า

 

สังคมจับตา “ใครคือศาสดา?”

หลังโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป มีผู้คนจำนวนมากตั้งข้อสงสัยว่า “ศาสดา” ที่ปู มัณฑนา พูดถึงคือใคร บางส่วนมองว่าอาจเป็นการพาดพิงถึงบุคคลในวงการที่เคยออกมา “สอนศีลธรรม” หรือ “ตั้งตัวเป็นผู้นำทางความคิด” แต่ในขณะเดียวกันกลับมีพฤติกรรมที่ไม่สอดคล้องกับสิ่งที่พูด

อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ ปู มัณฑนา ยังไม่ได้เปิดเผยชื่อหรือให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบุคคลดังกล่าว เธอเพียงโพสต์ข้อความแนวเตือนสติและเน้นถึงเรื่องกรรมเท่านั้น

พัช กฤษ อนงค์ คือใคร? ทำไม ปู มัณฑนา ถึงให้กำลังใจ

พัช กฤษ อนงค์ สุวรรณวงศ์ เป็นผู้ก่อตั้ง “องค์การต่อต้านแชร์ลูกโซ่” ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเปิดโปงคดีหลอกลวงทางการเงิน และแชร์ลูกโซ่ในประเทศไทย เธอเป็นที่รู้จักจากการกล้าออกมาเปิดเผยข้อมูล และช่วยเหลือผู้เสียหายจำนวนมาก

ที่ผ่านมา พัช กฤษ อนงค์ เคยเผชิญแรงกดดันจากหลายฝ่าย รวมถึงการถูกฟ้องร้องกลับจากกลุ่มผู้มีอิทธิพลในคดีแชร์ลูกโซ่ แต่เธอยังคงยืนหยัดและเดินหน้าต่อสู้เพื่อความยุติธรรม

ดังนั้น เมื่อปู มัณฑนา ออกมาโพสต์ให้กำลังใจ เธอจึงกลายเป็นอีกเสียงสำคัญจากวงการบันเทิงที่ออกมาสนับสนุนการทำงานของคนที่ยืนหยัดต่อสู้เพื่อสังคม

 

เสียงสะท้อนจากโลกออนไลน์

หลังโพสต์ของปู มัณฑนา ถูกเผยแพร่ มีผู้ใช้เฟซบุ๊กจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็น ทั้งให้กำลังใจและชื่นชมในความกล้า บางคนมองว่าเธอคือ “ผู้หญิงแกร่ง” ที่กล้าพูดในสิ่งที่หลายคนไม่กล้า ส่วนอีกกลุ่มมองว่าเธอควรระวังคำพูดเพื่อป้องกันการถูกฟ้องร้อง

ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร โพสต์ของเธอได้สร้างแรงกระเพื่อมอย่างมหาศาลในวงการบันเทิง และอาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดโปงบางอย่างที่สังคมยังไม่รู้

 

สรุป

กรณีของ ปู มัณฑนา หิมะทองคำ ถือเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่สะท้อนให้เห็นว่า ดารานักแสดงในยุคปัจจุบันไม่ได้จำกัดบทบาทอยู่เพียงแค่ในจอทีวีอีกต่อไป แต่ยังใช้พื้นที่โซเชียลมีเดียในการแสดงจุดยืน ปกป้องเพื่อนมนุษย์ และเรียกร้องความยุติธรรม

การที่เธอกล้าออกมาพูดถึง “ศาสดา–เด็กเลี้ยงแกะ” และย้ำว่า “เวลาของวิบากกรรมมาถึงแล้ว” แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในพลังแห่งความดีและความจริง ขณะเดียวกัน การจับมือกับ “ทนายอนันตรักษ์” และ “ทนายธรรมราช” ก็เป็นสัญญาณชัดเจนว่า เธอพร้อมเดินหน้าอย่างเต็มที่บนเส้นทางแห่งกฎหมาย

ขณะที่อีกด้านหนึ่ง “พัช กฤษ อนงค์” ก็ได้รับแรงสนับสนุนจากสังคมมากขึ้น จากการที่ผู้คนเห็นว่าเธอกำลังต่อสู้กับระบบที่ไม่เป็นธรรม

สุดท้ายเรื่องนี้จะลงเอยเช่นไร ต้องติดตามกันต่อไป เพราะดูท่าว่าการ “ลุยสุดซอย” ของปู มัณฑนา อาจเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น…