ศึกเดือด! “เบน สมิร” ยื่นฟ้อง “รังสิมันต์ โรม” เรียก 100 ล้าน 6 ต.ค.นี้ พร้อมโชว์หลักฐานเด็ด

“เบน สมิธ” มอบอำนาจทนายฟ้อง “รังสิมันต์ โรม” ข้อหาหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท นัดแถลงข่าวใหญ่ 6 ต.ค. ที่ศาลอาญารัชดา

เกิดเป็นอีกหนึ่งประเด็นร้อนแรงในแวดวงการเมืองและสังคมไทย เมื่อ เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ (Benjamin Mauerberger) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “เบน สมิธ” (Ben Smith) ชาวแอฟริกาใต้ ที่เคยถูกกล่าวถึงอย่างกว้างขวางในกรณีเชื่อมโยงกับนักการเมืองระดับสูงของไทยและกัมพูชา ล่าสุด ได้ออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง โดยมอบอำนาจให้ทนายความดำเนินการ ยื่นฟ้องนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในข้อหา หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา พร้อมเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง รวมมูลค่า 100 ล้านบาท

การฟ้องร้องครั้งนี้สร้างความสนใจอย่างมากในหมู่นักข่าวและผู้ติดตามการเมือง เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ “เบน สมิธ” เดินหน้าดำเนินคดีอย่างเป็นทางการต่อบุคคลสาธารณะในประเทศไทย หลังจากที่เคยตกเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์บนเวทีการอภิปรายของรัฐสภา

 

มอบอำนาจทนาย “ธนดล สุวัณณะฤทธิ์” ยื่นฟ้องคดีหมิ่นประมาท

จากข้อมูลล่าสุด เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2568 แหล่งข่าวจากฝ่ายกฎหมายของ เบน สมิธ ได้ยืนยันว่า เจ้าตัวได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้กับ นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ทนายความชื่อดัง ดำเนินการ ยื่นฟ้องนายรังสิมันต์ โรม ที่ศาลอาญารัชดา ในเวลา 10.30 น. วันที่ 6 ตุลาคม 2568

การฟ้องร้องครั้งนี้ มี ข้อกล่าวหาว่า นายรังสิมันต์ โรม ได้แสดงความคิดเห็นและกล่าวพาดพิงต่อบุคคลอื่นโดยไม่มีหลักฐานเพียงพอ และเป็นการกระทำที่อาจเข้าข่าย “หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นอกจากนี้ เบน สมิธ ยังยื่น ฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง มูลค่า 100 ล้านบาท โดยให้เหตุผลว่า การกล่าวพาดพิงของนายรังสิมันต์ โรม ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียง เกียรติยศ และภาพลักษณ์ส่วนบุคคลอย่างร้ายแรง รวมถึงมีผลกระทบต่อธุรกิจและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

 

เตรียมแถลงข่าวใหญ่ “เปิดหลักฐาน” ที่ศาลอาญารัชดา

นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ทนายความผู้รับมอบอำนาจ เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ในวันที่ 6 ตุลาคม เวลา 10.30 น. จะมีการ ยื่นคำฟ้องต่อศาลอาญารัชดา อย่างเป็นทางการ พร้อมจัด งานแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง และแสดงหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

 “ในวันดังกล่าว ผมจะทำหน้าที่ยื่นคำฟ้องแทนคุณเบน สมิธ พร้อมนำเสนอเอกสารและหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สื่อมวลชนและประชาชนได้รับทราบข้อเท็จจริงโดยตรง... ทุกสิ่งที่ถูกกล่าวหานั้น เรามีหลักฐานชัดเจนว่ามีการบิดเบือนข้อเท็จจริง และกระทบต่อชื่อเสียงของลูกความอย่างมาก” — นายธนดล กล่าว

การแถลงข่าวในครั้งนี้ จึงถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดจากทุกสื่อ เนื่องจากคาดว่า จะมีการเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเบื้องหลังข้อกล่าวหาที่เชื่อมโยงนักการเมืองไทยและต่างประเทศ ซึ่งก่อนหน้านี้ยังไม่มีใครออกมาให้ข้อมูลอย่างเป็นทางการ

 

เบน สมิธ คือใคร?

เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ (Benjamin Mauerberger) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “เบน สมิธ” เป็นชาวแอฟริกาใต้ที่เข้ามาทำธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศไทยและกัมพูชา

เขาเคยตกเป็นข่าวใหญ่เมื่อถูกกล่าวอ้างว่า มีบทบาทเชื่อมโยงระหว่างนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย และสมเด็จฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ซึ่งต่อมามีการนำชื่อของเขาไปกล่าวถึงใน การอภิปรายของนายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาชน

นายรังสิมันต์ได้กล่าวถึงเบน สมิธ ว่าเป็นบุคคลที่มี ความเชื่อมโยงกับธุรกิจสีเทา และแก๊งสแกมเมอร์ระหว่างประเทศ รวมทั้งยังพาดพิงว่าเป็น “ตัวกลาง” ที่อยู่เบื้องหลังเครือข่ายฟอกเงินระดับภูมิภาค ซึ่ง เบน สมิธ ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวอย่างสิ้นเชิง

 

เบน สมิธ ยืนยัน “ไม่เคยทำผิดกฎหมายไทย”

หลังถูกพาดพิงอย่างต่อเนื่องในสื่อและบนเวทีการเมือง นายเบน สมิธ ได้ออกแถลงการณ์ผ่านทนายความ ยืนยันว่า ตนไม่เคยเกี่ยวข้องกับขบวนการอาชญากรรมใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การฟอกเงิน หรือการค้ามนุษย์

 “ผมไม่เคยกระทำความผิดอาญาในประเทศไทย หรือในประเทศใด ๆ ผมมาทำธุรกิจที่นี่ด้วยความสุจริต โปร่งใส และมีเอกสารยืนยันทุกอย่าง”

เขายังกล่าวเพิ่มเติมว่า การที่นักการเมืองบางรายนำชื่อของตนไปกล่าวในที่สาธารณะโดยไม่มีหลักฐาน ทำให้ ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของตนได้รับความเสียหาย และยังส่งผลต่อครอบครัวและคู่ค้าทางธุรกิจในต่างประเทศ

เบน สมิธ ระบุว่า การฟ้องร้องครั้งนี้ไม่ได้มีเจตนาทางการเมือง แต่เป็นการ เรียกร้องความยุติธรรม และต้องการให้กระบวนการยุติธรรมไทยเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริง

 

คดีหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา คืออะไร?

ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ระบุว่า

 “ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท มีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

และในกรณี หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามมาตรา 328 หากการใส่ความนั้นกระทำผ่านสื่อ เช่น หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ โซเชียลมีเดีย หรือการกล่าวในที่สาธารณะ โทษจะเพิ่มขึ้นเป็น จำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ดังนั้น หากศาลรับคำฟ้องและพิจารณาแล้วเห็นว่า การอภิปรายหรือการแสดงความคิดเห็นของนายรังสิมันต์เข้าข่ายดังกล่าว ก็อาจต้องรับผิดทั้งทางอาญาและแพ่ง

 

กระแสสังคมและปฏิกิริยาในโลกออนไลน์

หลังข่าวการฟ้องร้องของ เบน สมิธ ถูกเผยแพร่ออกมาเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2568 ได้เกิดกระแสถกเถียงในโลกออนไลน์อย่างกว้างขวาง บางส่วนให้ความเห็นว่า การที่บุคคลที่ถูกพาดพิงเลือกใช้ช่องทางกฎหมายเพื่อพิสูจน์ความจริง เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งมองว่า การฟ้องร้องนักการเมืองที่อภิปรายในสภาอาจกระทบต่อเสรีภาพในการแสดงความเห็น

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายกฎหมายของเบน สมิธ ชี้แจงว่า การฟ้องครั้งนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับการอภิปรายภายในสภา แต่เป็นการดำเนินคดีต่อคำพูดที่เผยแพร่ผ่าน สื่อและโซเชียลมีเดีย ซึ่งเข้าข่ายการโฆษณาและเผยแพร่ต่อสาธารณะ

 

วิเคราะห์ผลกระทบของคดีต่อวงการการเมืองไทย

คดีนี้ถือเป็นกรณีสำคัญที่อาจสร้าง บรรทัดฐานใหม่ให้กับการใช้สิทธิเสรีภาพของนักการเมือง ในการอภิปรายหรือเปิดเผยข้อมูลในที่สาธารณะ โดยเฉพาะในยุคที่ข้อมูลข่าวสารแพร่กระจายอย่างรวดเร็วผ่านสื่อออนไลน์

ผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายบางรายมองว่า คดีนี้อาจทำให้ นักการเมืองระมัดระวังมากขึ้นในการอ้างอิงข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลภายนอก โดยเฉพาะเมื่อไม่มีหลักฐานชัดเจน หรือมีความเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล

ในทางกลับกัน หากศาลวินิจฉัยว่าการกระทำของนายรังสิมันต์ โรมอยู่ในขอบเขตของการทำหน้าที่ ส.ส. และอยู่ในหลักการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ก็อาจถือเป็นกรณีศึกษาสำคัญเกี่ยวกับ เสรีภาพในการอภิปรายของฝ่ายนิติบัญญัติ

 

สรุป

เบน สมิธ (Ben Smith) มอบอำนาจให้ นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ทนายความ ดำเนินคดีฟ้อง รังสิมันต์ โรม ในข้อหา หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา

ยื่นฟ้องพร้อมเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง 100 ล้านบาท

นัดยื่นฟ้องและแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในวันที่ 6 ตุลาคม 2568 เวลา 10.30 น. ที่ศาลอาญารัชดา

เบน สมิธ ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับแก๊งสแกมเมอร์ ธุรกิจสีเทา หรือการฟอกเงินใด ๆ

สังคมจับตาผลของคดีนี้ว่าจะสร้าง บรรทัดฐานใหม่ในการแสดงความเห็นของนักการเมืองไทยหรือไม่