โรงเรียนประจำอายุกว่าร้อยปีในอินโดนีเซียพังถล่ม นักเรียน 65 คนถูกฝังทั้งเป็น

โรงเรียนประจำอิสลามอายุกว่าร้อยปีในเมืองซิโดอาร์โจ จังหวัดชวาตะวันออก ประเทศอินโดนีเซีย พังถล่มลงมาในช่วงบ่ายของวันที่ 29 ขณะที่นักเรียนกำลังละหมาดอยู่ อุบัติเหตุครั้งนี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 ราย บาดเจ็บกว่า 100 ราย และมีนักเรียน 65 คนถูกฝังทั้งเป็น หลังจากเกิดการพังถล่มนานกว่า 12 ชั่วโมง พื้นที่ดังกล่าวก็ตกอยู่ในอันตรายอีกครั้งในเช้าวันที่ 30 แรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงและฉับพลันที่บริเวณดังกล่าวทำให้ต้องระงับการช่วยเหลือชั่วคราว เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้กลับมาดำเนินการขุดค้นอีกครั้ง และกำลังเคลื่อนย้ายถังออกซิเจนและน้ำไปยังซากปรักหักพัง เพื่อช่วยชีวิตผู้รอดชีวิตและช่วยเหลือนักเรียนที่ยังคงถูกฝังอยู่

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า นานัง ซิกิท ผู้บัญชาการหน่วยกู้ภัย ระบุว่า แผ่นคอนกรีตหนักและโครงสร้างที่ไม่มั่นคงของซากปรักหักพังเป็นอุปสรรคสำคัญต่อภารกิจกู้ภัย เพื่อป้องกันการพังทลายซ้ำ พวกเขาจึงลังเลที่จะใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่ โดยหันไปใช้แรงงานคนแทน หลังจากขุดค้นด้วยมือเป็นเวลาหนึ่งคืน มีผู้รอดชีวิต 8 คนได้รับการช่วยเหลือ แต่ทีมค้นหาและกู้ภัยก็พบศพหลายศพอยู่ลึกลงไปภายใน

ใกล้ศูนย์บัญชาการ ครอบครัวที่วิตกกังวลต้องอดทนรอคอยอย่างยาวนานที่สุดในชีวิต กระดานข่าวระบุชื่อนักเรียนที่สูญหาย 65 คน ส่วนใหญ่เป็นเด็กชายอายุระหว่าง 12 ถึง 17 ปี

สถิติอย่างเป็นทางการระบุว่าอุบัติเหตุครั้งนี้ส่งผลให้มีนักศึกษาเสียชีวิตอย่างน้อย 3 ราย และมีผู้บาดเจ็บมากกว่า 100 ราย ซึ่งหลายรายยังคงรักษาตัวอยู่ในหอผู้ป่วยหนัก นักศึกษาบางคนต้องถูกตัดแขนหรือผ่าตัดสมองเนื่องจากอาการบาดเจ็บสาหัส ในบรรดาผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล มีนักศึกษามากกว่า 70 รายและครู 2 รายที่ยังคงอยู่ภายใต้การสังเกตอาการ

จากการสอบสวนเบื้องต้นของตำรวจสรุปว่าอุบัติเหตุครั้งนี้มีสาเหตุมาจากการก่อสร้างอาคารสี่ชั้นโดยไม่ได้รับอนุญาตของโรงเรียน แทนที่อาคารเดิมสองชั้น โฆษกตำรวจระบุว่าฐานรากเดิมไม่สามารถรับน้ำหนักคอนกรีตที่เพิ่มเข้ามาได้ จนในที่สุดก็พังทลายลงมาในระหว่างการเทปูน ส่งผลให้นักเรียนหลายสิบคนต้องฝังอยู่ในหลุมศพระหว่างการละหมาด

โรงเรียนประจำอิสลามอัลโคซินีเป็นหนึ่งในสถาบันการศึกษาทางศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาค ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2470 และปัจจุบันมีนักเรียนมากกว่า 2,000 คน อุบัติเหตุครั้งนี้ไม่เพียงแต่คร่าชีวิตเด็กจำนวนมากเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงการขาดกฎระเบียบการก่อสร้างที่เหมาะสมและการกำกับดูแลความปลอดภัยของโรงเรียนอีกด้วย