สาวเขมรเปิดร้านอาหารไทยในญี่ปุ่น แต่ดันเอาธงไทยวางหน้าร้าน ล่าสุดสามีญี่ปุ่นบอกเลิกแล้ว
ภาพจาก ท่านเปา
วันนี้ผมมีเรื่องราวที่ทั้งแสบ ทั้งเศร้า และทั้งน่าคิดมาเล่าให้ฟังครับ เป็นเรื่องของสาวชาวกัมพูชาคนหนึ่งที่ไปเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศญี่ปุ่น แต่ดันทำสิ่งที่เรียกได้ว่า “เล่นกับของสูง” จนชีวิตพังไม่เป็นท่า
เรื่องมันเริ่มจากการที่เธอเปิดร้านอาหารญี่ปุ่น แล้วใช้ “ธงชาติไทย” ไปวางเป็นพรมเช็ดเท้าหน้าร้าน! ใช่ครับ...ธงชาติไทย! เอาไปวางให้คนเหยียบเข้าออกเหมือนเป็นผ้าเช็ดเท้าธรรมดา ๆ
แน่นอนว่าเรื่องนี้กลายเป็นดราม่าทันที เพราะธงชาติไม่ใช่ของเล่น ไม่ใช่ของตกแต่ง และไม่ใช่ของที่ควรเอามาเหยียบ โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น ที่เขาให้เกียรติเรื่องวัฒนธรรมและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแบบสุด ๆ
ผลที่ตามมาคือ...ร้านอาหารของเธอเจ๊งภายในไม่ถึง 2 เดือน ลูกค้าหายเกลี้ยง คนญี่ปุ่นที่เคยอุดหนุนก็เริ่มเมิน สุดท้ายเธอต้องตัดสินใจ “ปิดกิจการแบบถาวร”
แต่เรื่องยังไม่จบครับ...
ล่าสุดเธอออกมาไลฟ์สดร้องไห้ ระบายความรู้สึกว่า “ไม่คิดเลยว่าการเอาธงชาติไทยมาเป็นพรมเช็ดเท้า จะส่งผลกระทบกับชีวิตขนาดนี้” เพราะนอกจากร้านจะเจ๊งแล้ว สามีชาวญี่ปุ่นของเธอก็ “บอกเลิก” แบบไม่ทันตั้งตัวอีกด้วย
เรียกได้ว่าเจอมรสุมชีวิตถาโถมแบบเต็ม ๆ จากเจ้าของร้านกลายเป็นคนไร้ธุรกิจ จากภรรยากลายเป็นคนโสดแบบไม่ทันตั้งตัว
คอมเมนต์ในโลกออนไลน์ก็เดือดไม่แพ้กันครับ บางคนบอกว่า “ธงชาติไทยศักดิ์สิทธิ์จ้ะ เราถึงมีกฎชัดเจน ห้ามเอามาทำเสื้อผ้า กางเกง รองเท้าเด็ดขาด” บางคนก็พูดตรง ๆ ว่า “สมน้ำหน้า” บางคนก็แซวแรงว่า “ขอให้หาผัวใหม่ได้ไว ๆ” บางคนก็บอกว่า “ถ้าเจอร้านเอาธงชาติไหนมาวางให้เหยียบ ผมก็ไม่กล้าเข้าเหมือนกัน”
แต่ก็มีบางคนตั้งคำถามว่า “จริงเหรอ มีคนแบบนี้จริง ๆ เหรอ ออกมาไลฟ์สดให้คนรู้เนี่ยนะ?”
ผมว่าเรื่องนี้ให้ข้อคิดหลายอย่างเลยครับ หนึ่งคือ...ธงชาติไม่ใช่ของตกแต่ง มันคือสัญลักษณ์ของประเทศ สองคือ...การอยู่ในประเทศที่เจริญแล้ว ต้องรู้จักให้เกียรติวัฒนธรรมของคนอื่น สามคือ...การกระทำเล็ก ๆ อาจส่งผลใหญ่หลวงกว่าที่เราคิด
ไม่ว่าจะเป็นธงชาติไทย ญี่ปุ่น หรือประเทศไหน มันคือสิ่งที่คนทั้งประเทศให้ความเคารพ การเอาไปวางเป็นพรมเช็ดเท้า ไม่ใช่แค่ไม่เหมาะสม แต่มันคือการ “ดูถูก” แบบเต็ม ๆ
สุดท้ายนี้...ก็ขอฝากไว้สำหรับใครที่คิดจะทำธุรกิจในต่างประเทศ “ให้เกียรติทุกวัฒนธรรม” แล้วคุณจะได้รับความเคารพกลับมา ไม่ใช่แค่จากคนในประเทศนั้น แต่จากคนทั่วโลกที่เห็นคุณค่าของการเคารพกัน
ไว้เจอกันใหม่กระทู้หน้าครับ ใครมีเรื่องราวดราม่าธุรกิจ หรือพฤติกรรมแปลก ๆ ที่อยากให้ผมหามาเล่า ก็บอกได้เลยครับ
อ้างอิงจาก: coffeeman















