กระต่ายยักษ์สีชมพูบนยอดเขา งานศิลป์สุดเพี้ยนที่กลายเป็นตำนานในอิตาลี
วันนี้ผมมีเรื่องแปลกแต่โคตรเจ๋งมาเล่าให้ฟังครับ เป็นเรื่องของ “กระต่ายยักษ์สีชมพู” ที่เคยนอนแผ่หลาอยู่บนยอดเขา Colletto Fava ในแคว้นปิเยมอนเต ประเทศอิตาลี ใครได้เห็นครั้งแรกก็ต้องอุทานว่า “นี่มันหลุดมาจากจินตนาการเด็กหรือเปล่าวะเนี่ย!”
เจ้ากระต่ายตัวนี้มีชื่อว่า “Hase” (ฮาเซ) เป็นผลงานของกลุ่มศิลปินชาวเวียนนา Gelitin ที่สร้างขึ้นในปี 2005 ความยาวของมันไม่ธรรมดาครับ—ยาวกว่า 61 เมตร! ใช่ครับ ยาวพอ ๆ กับตึกหลายชั้นเรียงต่อกันเลยทีเดียว
แต่ที่เด็ดกว่านั้นคือ...มันไม่ได้มีไว้แค่ให้ดูจากระยะไกล ใครอยากปีน อยากนั่ง อยากนอนเอกเขนกบนตัวมันก็ทำได้หมด เรียกว่าทำมาเพื่อให้คน “เล่น” กับงานศิลปะอย่างแท้จริง
ตัวกระต่ายถูกถักด้วยไหมพรมกันน้ำ ยัดไส้ด้วยฟาง มีรอยยิ้มเย็บมือ หูนุ่ม ๆ และรูปร่างพอง ๆ เหมือนตุ๊กตายักษ์ที่มีชีวิต ตอนที่มันถูกติดตั้งบนยอดเขาใหม่ ๆ นี่คือจุดเช็กอินสุดฮิตของนักท่องเที่ยวสายแปลกทั่วโลกเลยครับ
ใครที่เคยขึ้นไปสัมผัสจะรู้เลยว่า...มันไม่ได้แค่ใหญ่ แต่มัน “น่ารักแบบหลอน ๆ” ด้วย เหมือนของเล่นที่โตเกินขนาดจนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตจากอีกมิติ
แต่ทุกสิ่งบนโลกนี้ก็หนีไม่พ้นกฎแห่ง “ความไม่จีรัง” เจ้าฮาเซถูกออกแบบให้มีอายุราว 20 ปี เพื่อให้มันค่อย ๆ สลายไปตามธรรมชาติ กลมกลืนกับภูเขา ลม ฝน และแสงแดด
ปี 2016 สภาพอากาศเริ่มเล่นงานมันอย่างหนัก ไหมพรมเริ่มเปื่อย ฟางเริ่มหลุด รูปร่างเริ่มเสียทรง จนมาถึงปี 2025...แทบไม่เหลือเค้าเดิมให้เห็นแล้วครับ ธรรมชาติได้เข้าครอบครองพื้นที่นั้นอีกครั้ง เหลือไว้แค่ภาพถ่าย ความทรงจำ และเรื่องเล่าของคนที่เคยไปเยือน
แต่แม้ตัวงานจะหายไป สิ่งที่ยังอยู่คือ “ความสนุกสนาน อารมณ์ขัน และแรงบันดาลใจ” ที่มันเคยมอบให้
ผมว่า Hase ไม่ใช่แค่งานศิลปะ แต่มันคือ “บทสนทนา” ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ มันคือการบอกเราว่า...แม้สิ่งที่เราสร้างจะยิ่งใหญ่แค่ไหน สุดท้ายก็ต้องยอมให้ธรรมชาติเข้ามาเป็นเจ้าของอีกครั้ง
และมันยังเตือนใจเราได้อีกว่า “เวลา” ไม่เคยละเว้นใคร ไม่ว่าจะเป็นคน สิ่งของ หรือแม้แต่งานศิลปะขนาดตึก
แต่ถ้าเราสร้างสิ่งนั้นด้วยความตั้งใจ มันจะยังคงอยู่ในใจคน แม้ตัวมันจะสลายไปแล้วก็ตาม
ใครที่ชอบงานศิลปะแนวแปลก ๆ หรืออยากไปสัมผัสอะไรที่ไม่เหมือนใคร แม้วันนี้เจ้าฮาเซจะไม่อยู่แล้ว แต่เรื่องราวของมันยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้ศิลปินทั่วโลก และเป็นเครื่องเตือนใจให้เรา “ใช้ชีวิตให้คุ้ม” ก่อนที่เวลาจะพาเราไปกลืนหายเหมือนเจ้ากระต่ายยักษ์ตัวนั้น
อ้างอิงจาก: coffeeman










